Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

คอยน์เบสเตือน: กฎหมายสหรัฐอาจทำดอลลาร์ดิจิทัลเสียเปรียบหยวนดิจิทัลของจีน

บริษัทคริปโตชั้นนำของสหรัฐอย่าง 'คอยน์เบส' ได้ออกมาเตือนว่า การที่รัฐบาลสหรัฐมีแนวโน้มจำกัดการให้ *ผลตอบแทนแก่ผู้ถือครองสเตเบิลคอยน์* อาจส่งผลให้สหรัฐสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้าน 'เงินดิจิทัล' เมื่อเทียบกับ ‘เงินหยวนดิจิทัล’ ของจีน

ฟาริยาร์ เซอร์ซาด หัวหน้าฝ่ายนโยบายของคอยน์เบส แสดงความเห็นผ่านโซเชียลมีเดีย X เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า สหรัฐกำลังพิจารณากฎหมายที่จะห้ามไม่ให้ผู้ให้บริการสเตเบิลคอยน์ให้ ‘รางวัล’ หรือ *ผลตอบแทน* แก่ผู้ใช้งานโดยตรง ซึ่งอาจทำให้ระบบชำระเงินดิจิทัลที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐสูญเสียความน่าสนใจ “จีนเตรียมให้ดอกเบี้ยกับเงินในกระเป๋าเงินหยวนดิจิทัลในปีหน้า เป็นสัญญาณชัดเจนว่านี่คือเรื่องสำคัญระดับเชิงกลยุทธ์” เซอร์ซาดกล่าว

สำหรับสหรัฐ ขณะนี้ร่างกฎหมายชื่อว่า 'GENIUS' กำลังอยู่ระหว่างการหารือในวุฒิสภา กฎหมายฉบับนี้มีเป้าหมายจำกัดอิทธิพลของบริษัทเทคโนโลยีและการเงินรายใหญ่ในตลาด *สเตเบิลคอยน์* โดยห้ามให้ ‘ผู้ออกเหรียญ’ มอบผลตอบแทนแก่ผู้ใช้งานโดยตรง อย่างไรก็ตามยังอนุญาตให้ ‘บุคคลที่สาม’ อย่างแพลตฟอร์มหรือผู้แลกเปลี่ยนสามารถให้รางวัลแก่ผู้ใช้ได้ภายใต้เงื่อนไขบางประการ แต่ในช่วงหลังมีความพยายามที่จะจำกัดการให้รางวัลผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้เช่นกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่คอยน์เบสมองว่า “ทำร้ายศักยภาพการแข่งขันของดอลลาร์ดิจิทัลบนเวทีโลก”

ขณะเดียวกัน *จีน* กำลังเดินหน้าเชิงรุกในการผลักดัน 'หยวนดิจิทัล' โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้า จีนจะอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถ “ให้ดอกเบี้ย” สำหรับเงินที่ถืออยู่ใน e-CNY หรือตามที่รู้จักกันว่า ‘*หยวนดิจิทัล*’ รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีนเผยว่า “นี่คือการพยายามผสาน e-CNY ให้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมสินทรัพย์–หนี้สินของธนาคาร”

จีนยังมีแผนขยายโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบดิจิทัลระยะยาวตั้งแต่ปี 2026–2030 เพื่อเสริมบทบาทของเงินหยวนดิจิทัลในระบบเศรษฐกิจ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ e-CNY มีเงินลงทุนไหลเข้าสูงถึง 188 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2,700 พันล้านวอนภายในระยะเวลาอันสั้น

แม้จีนจะเดินหน้าโปรโมตหยวนดิจิทัล แต่ความท้าทายก็ยังคงอยู่ เนื่องจากกว่า 90% ของตลาดการชำระเงินมือถือในจีนถูกยึดครองโดยแพลตฟอร์มเอกชนอย่าง อาลีเพย์ และ วีแชทเพย์ ซึ่งทำให้รัฐบาลต้องพยายามหากลยุทธ์ใหม่เพื่อแทรกตัวในตลาด

ด้าน *ประธานาธิบดีทรัมป์* ของสหรัฐก็มีท่าทีชัดเจนต่อการออกเงินดิจิทัลของภาครัฐ โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ห้ามหน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมดยอมรับหรือสนับสนุนการออก 'ดอลลาร์ดิจิทัล' โดยธนาคารกลางสหรัฐ โดยให้เหตุผลว่า “กระทบต่อความเป็นส่วนตัว ความมั่นคงทางการเงิน และอธิปไตยของประเทศ” พร้อมสนับสนุนให้สหรัฐใช้ ‘*สเตเบิลคอยน์* ภาคเอกชน’ รับบทเป็นตัวแทนของเงินดอลลาร์ในโลกดิจิทัลแทน

การที่ฝั่งสหรัฐยึดมั่นในการ ‘ควบคุมมากกว่าส่งเสริม’ สะท้อนอยู่ในทิศทางของร่างกฎหมาย GENIUS อย่างชัดเจน และหากท้ายที่สุดมีการจำกัด ‘รางวัลหรือผลตอบแทน’ โดยแพลตฟอร์มคริปโตทั้งหมด ก็อาจกลายเป็นการลดขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมสเตเบิลคอยน์ในสหรัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในมุมของระบบการเงิน สถานการณ์ปัจจุบันคือ ธนาคารของสหรัฐสามารถนำเงินสำรองไปฝากกับธนาคารกลางและรับผลตอบแทนกว่า 4% โดยไม่จำเป็นต้องแบ่งกับลูกค้า ต่างจากแพลตฟอร์มคริปโตที่นำรายได้บางส่วนมอบ ‘*ผลตอบแทน*’ ให้ผู้ใช้งานเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน หากร่างกฎหมาย GENIUS เดินหน้าโดยตัดสิทธินี้ออกไป ก็เท่ากับว่าสธจ. จะเอื้อประโยชน์ให้เฉพาะกลุ่มธนาคาร

“ความคิดเห็น” หากสหรัฐยังเดินหน้าจำกัดสิทธิของผู้ใช้งานในระบบคริปโตต่อไป ในที่สุดอาจทำให้ ผู้ใช้งานย้ายไปใช้สเตเบิลคอยน์หรือเงินดิจิทัลจากประเทศอื่นแทน และเป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศอย่างจีนแซงหน้าในการแข่งขันด้านเงินดิจิทัลระดับโลก

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1