Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ราคาอีเธอเรียม(ETH) ดิ่ง 11.75% ใน 24 ชม. ท่ามกลางแรงเทขายจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ราคาอีเธอเรียม(ETH) ดิ่ง 11.75% ใน 24 ชม. ท่ามกลางแรงเทขายจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย / Tokenpost

ราคาอีเธอเรียม(ETH) ร่วงลงแรง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ การล้างพอร์ตของสถานะ ‘ลอง’ จำนวนมาก และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาดกู้ยืมแบบกระจายศูนย์(DeFi)

เมื่อวันที่ 11 ตามรายงานของ Cointelegraph ราคาของอีเธอเรียมลดลง 11.75% ภายใน 24 ชั่วโมง โดยร่วงลงไปอยู่ที่ประมาณ 1,900 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.77 ล้านบาท) และในช่วงระหว่างวันเคยตกลงไปแตะระดับ 1,755 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.56 ล้านบาท) ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว

ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงเผชิญแรงเทขายอย่างหนัก JP Morgan ปรับเพิ่มโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ในปี 2025 จาก 30% เป็น 40% ขณะที่ Goldman Sachs เพิ่มโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายใน 12 เดือนเป็น 20% นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ จีน แคนาดา และเม็กซิโก ยิ่งทำให้ตลาดเผชิญภาวะไม่แน่นอนมากขึ้น

ในสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่นี้ ตลาดคริปโตเคอเรนซีเผชิญแรงกดดันจาก ‘การล้างพอร์ตเลเวอเรจ’ อย่างหนัก โดยเฉพาะในแพลตฟอร์ม DeFi อย่าง Sky Protocol ซึ่งมีสินทรัพย์ค้ำประกันมูลค่ากว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.89 หมื่นล้านบาท) กำลังถูกบีบให้ต้องเทขาย ส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อราคาของอีเธอเรียมเพิ่มเติม

นอกจากนี้ การปิดสถานะ ‘ลอง’ ยังช่วยเร่งการปรับตัวลงของตลาด มีการล้างพอร์ตที่เกี่ยวข้องกับอีเธอเรียมมูลค่าราว 2.4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท) ภายในหนึ่งวัน ซึ่งในจำนวนนี้ 82% หรือประมาณ 1.96 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.86 หมื่นล้านบาท) เป็นการล้างพอร์ตของสถานะ ‘ลอง’ ที่นักลงทุนไม่สามารถเติมหลักประกันได้ ทำให้เกิดแรงขายมหาศาล

ในมุมมองทางเทคนิค ราคาของอีเธอเรียมสะท้อนแนวโน้มขาลงชัดเจน โดยนักวิเคราะห์ระบุว่ากำลังก่อตัวเป็นรูปแบบ ‘Inverse Cup and Handle’ ซึ่งอาจทำให้ราคาถดถอยลงไปถึง 1,700 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.48 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม หากราคาลงไปสู่ระดับ ‘ขายมากเกินไป’ (Oversold) ก็มีโอกาสเกิดแรงดีดตัวกลับในระยะสั้นได้

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามองคือนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยข้อมูลจาก FedWatch ระบุว่า โอกาสที่ Fed จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในเดือนมีนาคมและพฤษภาคม อยู่ที่ 95% และ 52.5% ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มสภาพคล่องในตลาดการเงิน

นักลงทุนควรเตรียมรับมือกับความผันผวนของตลาดอีเธอเรียมที่อาจเกิดขึ้นต่อไป และโฟกัสไปที่แนวโน้มระยะยาว แทนที่จะตื่นตระหนกกับการแกว่งตัวของราคาระยะสั้น

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1