ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
ประธานาธิบดีทรัมป์ตกเป็นประเด็นร้อนในวงการคริปโต หลังโพสต์สนับสนุน ‘ยุทธศาสตร์เงินสำรองคริปโต’ บนแพลตฟอร์มทรูว์โซเชียลของตัวเองเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ตามมากลับกลายเป็น *วิกฤตครั้งใหญ่* สำหรับล็อบบี้ยิสต์คนสำคัญในวอชิงตันอย่างไบรอัน โบลลาร์ด ซึ่งถูกถอดจากวงการทำเนียบขาว เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับริปเปิล(XRP)
ตามรายงานของ Politico เมื่อวันที่ 24 แหล่งข่าวเปิดเผยว่า โพสต์ดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทล็อบบี้โบลลาร์ด พาร์ทเนอร์ ที่เคยพูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์ระหว่างงานเลี้ยงระดมทุนวันหยุดที่มารา-ลาโก สิ่งที่ทรัมป์ *ไม่รู้* ในตอนนั้นคือ ริปเปิล ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญ XRP และถูกกล่าวถึงในโพสต์ เป็นหนึ่งในลูกค้าของบริษัทโบลลาร์ดเอง
แบรด การ์ลิงเฮาส์ ซีอีโอของริปเปิล เคยเปิดเผยชัดเจนว่าเขาต้องการให้ XRP เป็นหนึ่งในสินทรัพย์สำรองระดับประเทศ ซึ่งกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ฝ่ายทำเนียบขาวไม่พอใจเมื่อรู้ความจริง โดยแหล่งข่าวระบุว่า ทรัมป์ “โกรธมาก” และกล่าวเมื่อปลายเดือนมีนาคมว่า “เขาจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับอะไรอีก” พร้อมมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่หลีกเลี่ยงการพบเจอหรือพูดคุยกับโบลลาร์ดอย่างเด็ดขาด
โบลลาร์ด พาร์ทเนอร์ กลายเป็นบริษัทล็อบบี้ที่เติบโตอย่างรวดเร็วภายใต้การบริหารของทรัมป์ โดยสามารถคว้าลูกค้าใหม่ถึง 130 ราย และสร้างรายได้ถึง 14 ล้านดอลลาร์ (ราว 498 ล้านบาท) ในไตรมาสแรกของปี 2025 ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าจากปีก่อน
แต่อิทธิพลที่เขามี *ก็กลายเป็นจุดตกต่ำ* เมื่อบุคคลใกล้ชิดประธานาธิบดีเห็นว่าเขาเริ่มใช้อำนาจในทางที่ไม่เหมาะสม “ถ้าคุณอ้างชื่อประธานาธิบดีเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน คุณจะเจอปัญหาแน่นอน” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าว พร้อมชี้ว่า “เขาประเมินค่าตัวเองเกินจริง”
ด้านโบลลาร์ด วัย 65 ปี ออกมาตอบโต้ว่า เขาไม่เคยใช้สัมพันธ์กับคนในทำเนียบขาวเพื่อดึงดูดลูกค้า และยืนยันว่าทีมของเขาไม่มีเจตนาหลอกลวงทรัมป์จากเหตุการณ์นี้
โบลลาร์ดเป็นหนึ่งในล็อบบี้ยิสต์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตั้งแต่เปิดสำนักงานในวอชิงตันเมื่อปี 2017 เขามีบทบาทสำคัญในการระดมทุนให้กับแคมเปญเลือกตั้งของทรัมป์ และเคยทำหน้าที่เป็นตัวแทนให้กับองค์กรของทรัมป์ บริษัทของเขายังเคยว่าจ้างบุคคลใกล้ชิดของประธานาธิบดีทรัมป์ เช่น ซูซี ไวล์ส และแพม บอนดี อีกด้วย
*ความคิดเห็น*: เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงแรงกระเพื่อมในวงการคริปโตที่เริ่มเข้าไปเชื่อมโยงกับการเมืองระดับสูง และยังชี้ให้เห็นว่า ในยุคของทรัมป์ *ความโปร่งใสในธุรกิจและการเมือง* เป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงสำหรับผู้ที่เลือกใช้ชื่อของเขาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว
ความคิดเห็น 0