บิตคอยน์(BTC)ร่วงแรงหลังจากพุ่งทะลุ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดคริปโตเผชิญกับการ ‘ล้างพอร์ต’ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์
เมื่อวันที่ 13 (เวลาท้องถิ่น) ราคา *บิตคอยน์(BTC)* แตะระดับสูงสุดที่ 102,000 ดอลลาร์ในช่วงเวลาการซื้อขายของเอเชีย จากกระแสข่าวการเลื่อนเก็บภาษีนำเข้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนออกไปอีก 90 วัน อย่างไรก็ตาม ราคากลับปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วเหลือเพียง 100,700 ดอลลาร์ หลังตลาดนิวยอร์กเปิดทำการ ขณะที่ผู้ลงทุนเริ่มชะลอการซื้อขายรอผลตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ของสหรัฐฯ
เจฟฟ์ เมย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ BTSE แสดง *ความคิดเห็น* ว่า “ตลาดกำลังให้ความสำคัญกับปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(Fed) ในเดือนมิถุนายน ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัญญาณสำคัญของทิศทางนโยบายการเงินในช่วงครึ่งหลังของปีนี้”
การร่วงลงในครั้งนี้นำไปสู่การ ‘ล้างพอร์ต’ หรือ *liquidation* ขนานใหญ่ ตามข้อมูลจาก CoinGlass มูลค่ารวมของการปิดสถานะ Long Position แตะถึง 500 ล้านดอลลาร์ โดยที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของบิตคอยน์สูญเสียไปราว 200 ล้านดอลลาร์ ขณะที่อีเธอเรียม(ETH) ก็สูญเงินไปอีก 170 ล้านดอลลาร์เช่นกัน
สกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ อย่าง *ดอยช์คอยน์(DOGE)* และ *คาร์ดาโน(ADA)* ร่วงลงกว่า 7% ขณะที่ *โซลานา(SOL)*, *ริปเปิล(XRP)* และ BNB ตกลงราว 5-6% การปรับฐานครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานนักหลังจากราคาของอีเธอเรียมพุ่งขึ้นถึง 40% และบิตคอยน์แตะระดับสูงสุด 104,000 ดอลลาร์ ส่งผลให้มีการล้างพอร์ตฝั่ง Short จำนวนมากก่อนหน้านี้
นักวิเคราะห์ประเมินว่า ข่าวดีจากแนวโน้มผ่อนคลายด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน ช่วยหนุนตลาดหุ้นได้บ้าง แต่กลับกลายเป็นแรงกดดันต่อการเก็งกำไรในตลาดคริปโต ทำให้ปริมาณสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ยังไม่ได้ดำเนินการ (*Open Interest*) ลดลงไปถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ สายตาของตลาดยังคงจับจ้องไปที่การประชุม Fed ในเดือนมิถุนายน โดยเมย์ COO ของ BTSE ชี้ว่า หาก Fed ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบาย ก็อาจช่วยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและส่งผลบวกต่อตลาดคริปโตได้ อย่างไรก็ตาม *ความคิดเห็น* จากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังระมัดระวัง และเตรียมพร้อมรับความผันผวนในช่วงก่อนการประกาศนโยบายดังกล่าว
ความคิดเห็น 0