ร่างกฎหมายควบคุมสเตเบิลคอยน์ GENIUS Act ส่อสะดุดอีกครั้ง หลังสภาฯ สหรัฐฯ แตกแยกหนักเรื่องทรัมป์

สภาคองเกรสสหรัฐฯ เตรียมลงมติอีกครั้งเกี่ยวกับร่างกฎหมายควบคุมเหรียญเสถียร ‘GENIUS Act’ หรือชื่อภาษาไทยว่า ‘แนวทางระดับชาติของสหรัฐฯ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมเกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์’ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับ *ทรัมป์* และอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี

เมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมา ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกลงมติไม่ผ่านใน *วุฒิสภา* ด้วยคะแนน 48 ต่อ 49 หลังจากสมาชิกรัฐสภาจากพรรคเดโมแครตจำนวนหนึ่งคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า *ประธานาธิบดีทรัมป์* อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับภาคอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล และเรียกร้องให้มีการชี้แจงก่อนดำเนินการใดๆ เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่สนับสนุนร่างกฎหมายมองว่า การใส่เนื้อหาที่เกี่ยวกับทรัมป์โดยตรงนั้นอาจละเมิดขอบเขตอำนาจตามรัฐธรรมนูญของสภาคองเกรส

หลังการโหวตไม่ผ่าน *จอห์น ธูน(John Thune)* ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา ได้นำเสนอคำร้องให้มีการทบทวนร่างกฎหมายอีกครั้ง ซึ่งอาจนำไปสู่การลงมติใหม่ภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี เนื่องจากพรรครีพับลิกันปฏิเสธการแก้ไขข้อกฎหมายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ โอกาสที่ทั้งสองพรรคจะหาข้อสรุปร่วมกันได้จึงยังคงไม่แน่นอน

*เอล립ติก(Elliptic)* บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน ชี้ว่า ความล่าช้าในกระบวนการนี้อาจมีข้อดี โดย *รียัต เชทเร็ต* รองประธานฝ่ายนโยบายและกฎระเบียบระดับโลกของบริษัทกล่าวว่า “เราได้เห็นการเปิดโอกาสให้ผู้ร่างกฎหมายสามารถชี้แจงเนื้อหาสำคัญเพิ่มเติม รวมถึงรับฟังข้อกังวลของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกสำหรับอนาคตของร่างกฎหมายนี้”

ขณะเดียวกัน กลุ่ม *ซิเดอร์ อินโนเวชัน* ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการกิจกรรมทางการเมืองชื่อ *แฟร์เชค(Fairshake)* ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ผู้นำวุฒิสภาหยุด "การเมืองนำหน้า" และผ่านร่างกฎหมายให้ได้ภายในไม่กี่วันข้างหน้า โดยแฟร์เชคเป็น PAC ที่ใช้เงินสนับสนุนแคมเปญการเมืองในการเลือกตั้งปี 2024 ไปแล้วกว่า 131 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.91 หมื่นล้านบาท) และมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนผู้สมัครหลายคนในสภาคองเกรส

ความเคลื่อนไหวนี้ทวีความรุนแรงอีกครั้งเมื่อวันที่ 12 หลังวุฒิสภาเริ่มขั้นตอนทบทวนร่างกฎหมาย GENIUS Act อีกครั้ง นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่า การผ่านหรือไม่ผ่านของร่างกฎหมายฉบับนี้ ไม่เพียงแต่จะสะท้อนมุมมองทางการเมืองต่อ *ประธานาธิบดีทรัมป์* และคริปโตเท่านั้น แต่ยังอาจกำหนดทิศทางของกฎระเบียบสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐฯ ทั้งระบบอีกด้วย

*ความคิดเห็น*: ปมขัดแย้งนี้ชี้ให้เห็นว่า *คริปโตเคอร์เรนซี* ไม่ได้เป็นแค่เทคโนโลยี แต่กลายเป็นเวทีต่อสู้ทางการเมืองที่ดุเดือดในสหรัฐฯ ซึ่งอาจมีผลสะเทือนไกลถึงภาพรวมของวงการสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก