คอยน์เบสยื่นคำร้องขอปรับปรุงกฎธนาคารสหรัฐเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโต

‘คอยน์เบส’ ร้องขอการปรับปรุงกฎระเบียบธนาคารในอเมริกาสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต

เมื่อวันที่ 4 (เวลาท้องถิ่น) มีรายงานจาก Bloomberg ว่าคอยน์เบส (Coinbase) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ได้ยื่นคำร้องไปยังหน่วยงานกำกับดูแลในอเมริกา เช่น สำนักงานควบคุมกิจการเงินตรา (OCC), ธนาคารกลางสหรัฐ (FRB) และสถาบันประกันเงินฝาก (FDIC) เพื่อขอคำแนะนำที่ชัดเจนเกี่ยวกับบริการธนาคารสำหรับบริษัทคริปโต

ในจดหมายที่ยื่นถึง OCC คอยน์เบสได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับขั้นตอนการอนุมัติกิจกรรมธนาคารใหม่ ซึ่งเห็นว่าเป็นอุปสรรคสำคัญต่อธนาคารที่ต้องการเข้าสู่ตลาดคริปโต นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ FRB และ FDIC ระบุอย่างชัดเจนว่าธนาคารที่ได้รับใบอนุญาตในระดับรัฐสามารถให้บริการเกี่ยวกับการเก็บรักษาและการดำเนินการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล หรือการว่าจ้างบุคคลที่สามในการดำเนินการดังกล่าวได้หรือไม่

เพื่อสนับสนุนการเรียกร้อง คอยน์เบสได้รับการช่วยเหลือจากบริษัทกฎหมาย 3 แห่ง ได้แก่ อาร์โนลด์แอนด์พอร์เตอร์, เคลียรี ก็อตลิบ และ วิลเมอร์เฮล โดยบริษัทเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่ากฎหมายปัจจุบันของสหรัฐ อนุญาตให้ธนาคารให้บริการคริปโตและทำงานร่วมกับผู้ให้บริการบุคคลที่สามเช่น คอยน์เบสได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาระบุว่าจำเป็นต้องมีการกำหนดแนวทางที่ชัดเจนจากหน่วยงานกำกับดูแล

ฟาริยาร์ ชีร์ซาด (Faryar Shirzad) หัวหน้านโยบายของคอยน์เบส กล่าวเสริมว่า "การที่หน่วยงานกำกับดูแลชี้แจงว่า ธนาคารสามารถทำงานร่วมกับบุคคลที่สามในการให้บริการซื้อขายและแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้าได้นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง"

ขณะเดียวกัน บทบาทของธนาคารในสหรัฐในการสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตยังคงเป็นประเด็นถกเถียง โดยบางธนาคาร เช่น แบงก์ออฟนิวยอร์กเมลลอน (BNY Mellon) ได้เริ่มให้บริการการเก็บรักษาสกุลเงินดิจิทัลอย่างแข็งขัน ในขณะที่ FDIC ได้มีรายงานว่าเคยสั่งให้บางธนาคารยุติกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโต เมื่อปีที่แล้ว คอยน์เบสได้ฟ้องร้อง ก.ล.ต. (SEC) และ FDIC โดยกล่าวหาว่าสถาบันเหล่านี้พยายามขัดขวางการให้บริการธนาคารแก่บริษัทด้านสินทรัพย์ดิจิทัล

ในอีกมุมหนึ่ง มีความคาดหวังว่านโยบายคริปโตในสหรัฐจะเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ คอยน์เบสที่มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับทรัมป์มองว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและเสรีภาพทางเศรษฐกิจในประเทศ