เจเนซิส โกลบอล แคปิตอล ได้ยื่นฟ้องบริษัทแม่อย่าง ดิจิทัล เคอร์เรนซี กรุ๊ป(DCG) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แบร์รี ซิลเบิร์ต(Barry Silbert) เรียกค่าเสียหายมูลค่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.6 แสนล้านบาท โดยกล่าวหาว่าทั้งสองฝ่ายได้มีการยักยอกสินทรัพย์ของบริษัทไปอย่างไม่ชอบธรรมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
ขณะนี้ เจเนซิสยังไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ได้มากกว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ โดยการยื่นฟ้องครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการบริหารงานผิดพลาดและไม่โปร่งใส
ในการฟ้องต่อศาลเดลาแวร์ครั้งแรก เจเนซิสกล่าวหาว่า DCG และแบร์รี ซิลเบิร์ต มีพฤติกรรมฉ้อโกงและบริหารงานอย่างหละหลวม โดยเฉพาะการบังคับให้รับหุ้นของกองทรัสต์บิตคอยน์ เกรย์สเกล(GBTC) เป็นหลักประกันซึ่งยิ่งเพิ่มความเสี่ยงด้านสภาพคล่องที่กำลังขาดแคลน
ส่วนคดีที่ยื่นต่อศาลล้มละลายในนิวยอร์ก เจเนซิสเผยว่าแม้บริษัทเข้าสู่สภาวะ “ล้มละลาย” แล้ว DCG ยังคงถอนคริปโตและเงินสดมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ออกไป โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตตลาดคริปโตจากเทอร์รา-ลูน่า, ทรีแอร์โรว์แคปิตอล(3AC) และ FTX ล่มสลาย
เจเนซิสประณาม DCG ว่าใช้บริษัทของตนเป็นเหมือน "เครื่องกดเงินสดองค์กร" โดยที่กลุ่มคนในองค์กรต่างถอนเงินออกไปได้ก่อน ส่วนลูกค้าภายนอกยังต้องแบกรับความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงเวลาที่ยื่นขอล้มละลาย เจเนซิสมีหนี้สินที่ยังไม่ได้ชำระสูงถึง 14 พันล้านดอลลาร์ ดังนั้นผลของการฟ้องร้องในครั้งนี้อาจส่งผลสะเทือนทั้งต่อ DCG และต่อระบบนิเวศสินเชื่อคริปโตโดยรวมในวงกว้าง
ความคิดเห็น 0