Genius Group เพิ่มถือครองบิตคอยน์(BTC) แตะ 85.5 เหรียญ หลังศาลสหรัฐยกเลิกคำสั่งห้ามลงทุน

บริษัท Genius Group จากสิงคโปร์ กลับมาเดินหมากใหญ่ในตลาดบิตคอยน์(BTC)อีกครั้ง หลังได้รับอนุญาตจากศาลสหรัฐในการยกเลิกคำสั่งห้ามซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลชั่วคราว โดยในการเคลื่อนไหวล่าสุด บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนคริปโตเป็น 40% ของพอร์ตทั้งหมด สะท้อนกลยุทธ์ขยายบทบาทในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างชัดเจน

เมื่อวันที่ 22 (เวลาท้องถิ่น) Genius Group แถลงว่าศาลอุทธรณ์รัฐบาลกลางของสหรัฐได้มีคำตัดสินที่เป็นผลดีต่อบริษัท ส่งผลให้สามารถกลับมาซื้อบิตคอยน์ได้อีกครั้ง ก่อนหน้านี้บริษัทถูกสั่งห้ามซื้อขายบิตคอยน์จากข้อกล่าวหาว่าใช้เงินลงทุนของนักลงทุนไม่เหมาะสม รวมถึงถูกจำกัดไม่ให้ขายหุ้นหรือจัดหาเงินทุนเพิ่มเติม

ในการกลับมาครั้งนี้ Genius Group ได้เข้าซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก 24.5 BTC ทำให้จำนวนคริปโตทั้งหมดที่ถือครองอยู่แตะที่ 85.5 BTC คิดเป็นมูลค่าราว 2.7 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 39.4 ล้านบาท โดยมีต้นทุนเฉลี่ยต่อเหรียญอยู่ที่ประมาณ 99,700 ดอลลาร์ มูลค่ารวมในพอร์ตคริปโตของบริษัทจึงพุ่งแตะประมาณ 8.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 124 ล้านบาท

โรเจอร์ แฮมิลตัน(Roger Hamilton) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Genius Group ระบุว่า การกลับมาซื้อบิตคอยน์ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากข้อพิพาททางกฎหมายก่อนหน้านี้ พร้อมย้ำว่า “บริษัทมุ่งมั่นในการพัฒนาอนาคตการศึกษาโดยอิงเทคโนโลยี AI, บิตคอยน์ และชุมชนแบบกระจายศูนย์ การลงทุนในบิตคอยน์จึงเป็นแกนหลักของกลยุทธ์ระยะยาว”

ปัจจุบัน Genius Group จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก(NYSE) โดยมีมูลค่าตลาดราว 24.3 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 355 ล้านบาท จากข้อมูลของ Google Finance ราคาหุ้นบริษัทในปีนี้ลดลงมากกว่าครึ่ง และในการซื้อขายล่าสุดปรับตัวลงกว่า 8% มาอยู่ที่ราว 0.34 ดอลลาร์ต่อหุ้น

ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมระบุว่า การกลับมาซื้อบิตคอยน์ของ Genius Group สะท้อนทิศทางใหม่ที่บริษัทต่าง ๆ เริ่มปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจดิจิทัลและระบบการกำกับดูแลแบบกระจายศูนย์มากขึ้น โดยแนวโน้มการบริหารสินทรัพย์ที่โปร่งใสและกล้าได้กล้าเสียของบริษัทเทคโนโลยีกำลังกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ในอนาคตคริปโต