ราคาของบิตคอยน์(BTC)ที่พุ่งแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อไม่นานมานี้ อาจมีสาเหตุมาจากความไม่แน่นอนในตลาดพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของบิตคอยน์ในฐานะ ‘เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง’ จากความไม่แน่นอนในระบบการเงินแบบดั้งเดิม ตามรายงานของ Cointelegraph
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 112,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15.34 ล้านบาท) ก่อนจะปรับฐานลงเล็กน้อย โดย ณ วันที่ 26 พฤษภาคม ราคาอยู่ที่ราว 109,700 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15.01 ล้านบาท)
นักลงทุนบางรายชี้ว่า ปัจจัยกระตุ้นการพุ่งขึ้นของราคาในรอบนี้มาจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาประกาศความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซียกับยูเครนเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ตลาดเชื่อว่านี่เป็นเพียงปัจจัยรองเท่านั้น โดยสาเหตุหลักจริง ๆ มาจากความผันผวนในตลาดตราสารหนี้ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงความกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจมหภาค อันกระตุ้นให้เกิดการแสวงหาทางเลือกใหม่ในการป้องกันความเสี่ยง
นักวิเคราะห์มองว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวบ่งชี้ว่านักลงทุนกำลังมองบิตคอยน์ไม่ใช่เพียงสินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไรในระยะสั้น แต่กำลังให้ความสำคัญในฐานะสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อรับมือกับความเปราะบางของระบบการเงินดั้งเดิมโดยเฉพาะในช่วงวิกฤติ เช่นเดียวกับปัญหาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่นที่พุ่งสูงและนโยบายผ่อนคลายทางการเงินที่ไม่สามารถนำความมั่นใจกลับคืนสู่ตลาดได้ กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนการไหลเข้าสู่ ‘บิตคอยน์’
ในมุมกว้าง ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกตีความว่าเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าบิตคอยน์กำลังกลายเป็น ‘สินทรัพย์ปลอดภัยทางดิจิทัล’ นักวิเคราะห์หลายรายเชื่อว่า ในโลกที่เผชิญกับความเสี่ยงเชิงโครงสร้างทางการเงินมากขึ้น บิตคอยน์มีแนวโน้มจะกลายเป็นหนึ่งใน ‘แหล่งหลบภัย’ ร่วมกับทองคำในระยะยาว ความเห็นดังกล่าวตอกย้ำสถานะที่แข็งแรงขึ้นของบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์สำรองยุคใหม่
ความคิดเห็น 0