ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ผู้นำของบริษัทกลยุทธ์(Strategy) กลับมาแสดงพลังในตลาดคริปโตอีกครั้ง หลัง ‘บิตคอยน์(BTC)’ พุ่งทะยานแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 110,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการเข้าซื้อครั้งใหญ่ระหว่างวันที่ 19-23 พฤษภาคม ด้วยจำนวนกว่า 4,020 บิตคอยน์ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 427.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 5,849 พันล้านวอน
บริษัทรายงานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 ว่าการซื้อครั้งใหญ่นี้มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ *106,237 ดอลลาร์ต่อเหรียญ* สอดคล้องกับช่วงเวลาที่บิตคอยน์วิ่งแตะระดับ *110,000 ดอลลาร์* เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการซื้อที่สำคัญท่ามกลางความผันผวนของราคา
นับเป็นการเข้าซื้อครั้งที่สี่ของบริษัทกลยุทธ์ในเดือนพฤษภาคมเพียงเดือนเดียว ส่งผลให้ขณะนี้บริษัทถือครองบิตคอยน์ทั้งหมด *580,250 เหรียญ* โดยมีมูลค่ารวมการลงทุนอยู่ที่ประมาณ *40,610 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ* หรือ *ประมาณ 55.63 ล้านล้านวอน* ส่งผลให้ต้นทุนเฉลี่ยต่อเหรียญของบริษัทอยู่ที่ *69,979 ดอลลาร์*
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกัน ก็มีการเปิดเผยว่าจาเร็ด แพตเทน(Jarrod Patten) กรรมการบริษัท ได้เริ่มขายหุ้นของบริษัทออกไป โดยในรายงานที่ส่งถึงคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 16-21 พฤษภาคม เขาได้ขายหุ้นบริษัทออกไปราว *2,650 หุ้น* คิดเป็นมูลค่า *1.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ* นับจากวันที่ 22 เมษายนถึงปัจจุบัน เขาได้ขายรวมทั้งสิ้น *17,050 หุ้น* คิดเป็นมูลค่ารวม *6.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ*
ขณะที่บิตคอยน์ทำสถิติสูงสุดใหม่ ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากบริษัทกลยุทธ์ถูกตีความเป็นสัญญาณ *“ตลาดกระทิงบิตคอยน์”* ที่แข็งแกร่ง และยังส่งแรงสั่นสะเทือนให้กับความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันที่กำลังหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดคริปโตอย่างต่อเนื่อง *ความคิดเห็น*: หากบิตคอยน์ยังคงพุ่งต่อเนื่อง การเข้าซื้อของบริษัทกลยุทธ์อาจกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของคลื่นขาขึ้นในรอบใหม่นี้
ความคิดเห็น 0