โรเบิร์ต มิชนิค(Robert Mitchnick) ผู้บริหารระดับสูงของแบล็คร็อก เปิดเผยระหว่างการประชุม *บิตคอยน์ 2025* ที่จัดขึ้นในลาสเวกัสว่า *บิตคอยน์(BTC)* มี "ศักยภาพในการเติบโตที่เหนือกว่า" และ "ความเสี่ยงขาลงที่ต่ำกว่า" เมื่อเทียบกับทองคำ ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในตลาดการเงินแบบดั้งเดิม
มิชนิคชี้ว่า บิตคอยน์และทองคำไม่ได้อยู่ในสถานะ ‘คู่แข่ง’ กัน แต่เป็น *สินทรัพย์ทางเลือกที่แข็งแกร่ง* ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกันหลายด้าน เช่น ‘ความหายาก’, ‘การกระจายศูนย์’ และ ‘การไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล’ ทั้งคู่สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากระบบการเงินดั้งเดิมให้กับนักลงทุนได้
"ทองคำได้รับความไว้วางใจมานานนับศตวรรษ และมีความผันผวนต่ำ แต่บิตคอยน์นั้นเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่เหมาะสมกับระบบการเงินยุคใหม่มากกว่า" มิชนิคกล่าว พร้อมเสริมว่า การเก็บรักษาบิตคอยน์มีต้นทุนต่ำกว่า เคลื่อนย้ายได้สะดวกรวดเร็วข้ามพรมแดน และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในระบบการเงินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี
ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนจำนวนไม่น้อยจึงเลือกจัดสรรพอร์ตโฟลิโอของตนโดยถือครอง ‘ทองคำ 80% และบิตคอยน์ 20%’ หรือแม้กระทั่ง ‘แบ่งสัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง’ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของสินทรัพย์ในระยะยาว
ในขณะเดียวกัน ราคาบิตคอยน์ หลังจากแตะจุดสูงสุดใหม่ ก็ปรับตัวลงราว 3% มาอยู่ที่ระดับ 109,000 ดอลลาร์ ขณะที่มูลค่าตลาดรวมแตะ 2.16 ล้านล้านดอลลาร์ ข้อมูลจาก CoinGlass ระบุว่า หากบิตคอยน์สามารถทะลุระดับ 115,000 ดอลลาร์ได้ จะมีการชอร์ตถูกชำระล้างมูลค่ารวมประมาณ *7.0 พันล้านดอลลาร์ (ราว 9.59 ล้านล้านวอน)* ซึ่งอาจนำไปสู่การเร่งตัวของราคาในระยะสั้น ความเห็นของนักวิเคราะห์บางรายระบุว่า "นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตลาดเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอย่างรุนแรง"
ความคิดเห็น 0