เมื่อรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ ‘ประธานาธิบดีทรัมป์’ เริ่มดำเนินงาน อุตสาหกรรมคริปโตก็กำลังมองหาโอกาสท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยท่าทีที่เป็นมิตรต่อคริปโตและสัญญาณของการผ่อนคลายกฎระเบียบ ตลาดจึงเต็มไปด้วยความคาดหวัง
บิตคอยน์(BTC) ทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่บริษัทต่างๆ หันมาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมคริปโตจึงมีความหวังที่จะเข้าสู่กระแสหลักของระบบการเงินอย่างเต็มตัว อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังตั้งคำถามสำคัญว่า ตลาดคริปโตจะคงสถานะเป็นตลาดเก็งกำไรที่ขับเคลื่อนด้วย ‘มีมคอยน์’ หรือจะสามารถสร้างนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเงินของสหรัฐฯ ได้
แม้ว่าการมาถึงของรัฐบาลทรัมป์อาจส่งสัญญาณของตลาดกระทิง แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายก็เตือนว่าต้องระวังไม่ให้ตลาดนี้กลายเป็นแหล่งเก็งกำไรที่ไร้การควบคุม ปัจจุบันตลาดการเงินแบบดั้งเดิมยังคงมองคริปโตเป็นเพียงเครื่องมือของการฉ้อโกงหรือการเก็งกำไรระยะสั้น หากอุตสาหกรรมต้องการฟื้นความเชื่อมั่นและเชื่อมโยงกับระบบการเงินกระแสหลัก ก็จำเป็นต้องมีกรณีศึกษาการใช้งานที่พิสูจน์ได้จริง
ในปี 2024 เพียงปีเดียว มีการสร้าง ‘มีมคอยน์’ กว่า 13 ล้านโครงการ และมูลค่ารวมของตลาดสูงถึง 174,000 ล้านบาท ($12,000 ล้าน) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความผันผวนและมักเป็นเป้าหมายของการฉ้อโกง รายงานล่าสุดระบุว่า 30% ของ ‘มีมคอยน์’ อาจถูกออกแบบให้เป็น ‘รั๊กพูล’ (Rug Pull) หรือโครงการที่หลอกให้ลงทุนก่อนจะปิดตัว ผู้เสียหายส่วนใหญ่จึงเป็นนักลงทุนรายย่อย นี่ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ขัดขวางการเติบโตของฐานผู้ใช้ใหม่ในอุตสาหกรรมคริปโต
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลยังคงมีศักยภาพในการเข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ใช่เพียงแค่การเงิน แต่ยังรวมถึงพลังงาน การดูแลสุขภาพ และโครงสร้างพื้นฐาน ‘การเงินแบบกระจายศูนย์’ (DeFi) เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และกลายเป็นแนวทางที่อาจเข้ามาแทนที่ระบบการเงินแบบดั้งเดิม หากสามารถแปลงสินทรัพย์จริงให้อยู่ในรูปแบบ ‘ออนเชน’ ลดต้นทุนตัวกลาง และเพิ่มความโปร่งใส บล็อกเชนก็จะสามารถเสริมสร้างระบบการเงินให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้
มีข้อถกเถียงว่า อุตสาหกรรมคริปโตควรมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแนวทางที่เป็นรูปธรรม และหลีกเลี่ยงการถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง หากคริปโตถูกเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ของพรรคใดพรรคหนึ่ง อาจส่งผลให้สังคมไม่ยอมรับอย่างกว้างขวาง และเพิ่มความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ ดังนั้น การนำเสนอภาพลักษณ์ที่สมดุลและสร้างความน่าเชื่อถือให้อุตสาหกรรมน่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมกว่า
ท้ายที่สุดแล้ว โจทย์สำคัญสำหรับคริปโตคือ การก้าวข้ามวัฏจักรการเก็งกำไรและพัฒนาให้เป็นเทคโนโลยีทางการเงินที่มีความยั่งยืน รัฐบาลทรัมป์อาจเปิดทางให้ตลาดนี้เติบโต แต่อนาคตของอุตสาหกรรมขึ้นอยู่กับว่าผู้เล่นในตลาดจะสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงเพียงใด
ความคิดเห็น 0