คาซัคสถานเริ่มโครงการนำร่องสำคัญที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนของนโยบายการเงินดิจิทัลในเอเชียกลาง ด้วยการอนุญาตให้ชำระ ‘ค่าธรรมเนียมด้านกำกับดูแลทางการเงิน’ ผ่าน *สเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ* อาทิ เทเธอร์(USDT) และ USDC แทนการโอนเงินผ่านธนาคารหรือชำระด้วยเงินสด โดยนำร่องผ่านการร่วมมือระหว่างทางการคาซัคสถานและกระดานเทรดคริปโตชื่อดังอย่าง ไบบิต (Bybit)
โครงการนี้ได้รับการผลักดันโดยสำนักงานบริการการเงินอัสตานา(AFSA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลภายใต้ศูนย์การเงินระหว่างประเทศอัสตานา(AIFC) และได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Astana Finance Days 2025 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ที่ผ่านมา โดย AFSA ได้ลงนามใน *บันทึกความเข้าใจแบบพหุภาคี(MMoU)* กับไบบิต ซึ่งถือเป็นพันธมิตรรายแรกในการดำเนินการครั้งนี้
การดำเนินโครงการนี้ทำให้บริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับของ AIFC สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมทางกฎหมายโดยไม่ต้องพึ่งพาวิธีการแบบเดิม เช่น การโอนผ่าน SWIFT หรือการจ่ายด้วยเงินสด ซึ่งมักมีค่าธรรมเนียมสูงและดำเนินการล่าช้า *ความคิดเห็น* จากภาคธุรกิจระบุว่า การใช้ *สเตเบิลคอยน์* ในระบบนี้ช่วยประหยัดเวลา ลดต้นทุน และเพิ่มความโปร่งใสอย่างมีนัยสำคัญ
เอฟเกเนีย โบกดาโนวา(Evgeniya Bogdanova) ประธาน AFSA กล่าวว่า “ระบบชำระเงินที่อิงกับสเตเบิลคอยน์จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเร่งขับเคลื่อน AIFC ให้กลายเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมทางการเงินดิจิทัลในภูมิภาค”
ถึงแม้ระบบใหม่นี้จะเปิดใช้งานแล้ว แต่ไม่ได้เปิดให้บริษัททั้งหมดเข้าร่วมในทันที โดยผู้เข้าร่วมจำเป็นต้องผ่านทั้งกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติและลงนามใน MMoU อย่างเป็นทางการเท่านั้น ปัจจุบันมีเพียงไบบิตเท่านั้นที่ได้รับสิทธิเข้าร่วมในระยะแรก ซึ่งได้บรรลุข้อตกลงร่วมกับ AFSA อย่างเป็นทางการในงาน Astana Finance Days โดยมีโบกดาโนวา และมาซูร์กา เจิง(Mazurka Zeng) ซีอีโอของไบบิต ร่วมเป็นผู้ลงนาม
คาซัคสถานเริ่มเร่งวางกรอบกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงเกณฑ์ภาษีสำหรับการขุดเหรียญคริปโต และการกำหนดขั้นตอนการจดทะเบียนสำหรับตลาดซื้อขายคริปโตในประเทศ การอนุญาตให้ใช้ *สเตเบิลคอยน์เป็นทางเลือกในการชำระค่าธรรมเนียมภาครัฐ* จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญของคาซัคสถานในการผลักดันประเทศสู่การเป็น *ศูนย์กลางการเงินดิจิทัล* อย่างเต็มตัว
ความคิดเห็น 0