บริษัท เมตาแพลนเน็ต(Metaplanet) ของญี่ปุ่น ออกพันธบัตรไร้ดอกเบี้ยมูลค่า 4 พันล้านเยน (ประมาณ 361 พันล้านวอน) เพื่อใช้ซื้อบิตคอยน์(BTC)
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ เมตาแพลนเน็ตประกาศผ่านบัญชี X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่าการออกพันธบัตรครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนเพิ่มการถือครองบิตคอยน์ โดยพันธบัตรดังกล่าวไม่มีหลักประกันหรือการรับประกัน และมีการระดมทุนโดยบริษัทลงทุน EVO Fund
เมตาแพลนเน็ตตั้งเป้าซื้อบิตคอยน์จำนวน 10,000 BTC ภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2025 ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 957 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.39 ล้านล้านวอน) ตามราคาปัจจุบัน และต้องการเพิ่มการถือครองเป็น 21,000 BTC ภายในสิ้นปี 2026 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.9 ล้านล้านวอน) การออกพันธบัตรครั้งนี้จึงช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินแผนซื้อเพิ่มในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน เมตาแพลนเน็ตถือครองบิตคอยน์ประมาณ 1,762 BTC
บริษัทชี้แจงว่าการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับสภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่น โดยระบุว่า "เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับภาวะหนี้สินสูง อัตราดอกเบี้ยจริงติดลบมาเป็นเวลานาน และค่าเงินเยนอ่อนค่าลง" พร้อมอธิบายว่าการถือครองบิตคอยน์เป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์ทางการเงินระยะยาวของบริษัท
ด้วยแนวทางใหม่นี้ ราคาหุ้นของเมตาแพลนเน็ตพุ่งขึ้น 5,250% ในช่วงปีที่ผ่านมา และจำนวนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 500% มีนักลงทุนรายใหม่เข้ามาอีกกว่า 50,000 คน นอกจากนี้ มูลค่าตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 11,800%
แนวโน้มการถือครองบิตคอยน์ในฐานะทรัพย์สินสำรองกำลังเติบโตทั้งในระดับองค์กรและรัฐบาล ตัวอย่างเช่น บริษัทที่นำโดยไมเคิล เซย์เลอร์ อย่าง สแตรทิจี (เดิมคือ ไมโครสแตรทิจี) และ เซมเลอร์ ไซแอนทิฟิก ต่างประสบความสำเร็จจากการเข้าซื้อบิตคอยน์และส่งผลให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น
ในสหรัฐฯ มีอย่างน้อย 16 รัฐที่กำลังพิจารณาเพิ่มบิตคอยน์เป็นทรัพย์สินสำรองเชิงยุทธศาสตร์ ขณะที่รัฐบาลกลางก็กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นทุนสำรอง นอกจากนี้ ธนาคารกลางเช็กกำลังหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเพิ่มบิตคอยน์เป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองของประเทศ
ความคิดเห็น 0