กระแสการแข่งขันด้าน *ปัญญาประดิษฐ์แบบสร้างสรรค์ (Generative AI)* ที่จุดประกายโดยการเปิดตัว *แชตจีพีที(ChatGPT)* ช่วงปลายปี 2023 ยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็วและไม่หยุดยั้ง บรรดา *บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่* อย่าง *เมตา(META)*, *กูเกิล(GOOGL)*, *แอปเปิล(AAPL)*, และ *ไมโครซอฟท์(MSFT)* รวมถึง *สตาร์ตอัพ AI* หน้าใหม่อย่าง *โอเพนเอไอ(OpenAI)*, *แอนโทรปิก(Anthropic)*, *มิสตราล(Mistral)* และ *ดีพซีค(DeepSeek)* ต่างเร่งปล่อยโมเดลและบริการใหม่สู่ตลาด เพื่อแย่งชิงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม อย่างไรก็ดี ความเร่งรีบดังกล่าวกำลังฉุดรั้งคุณค่าหลักอย่าง ‘*ความปลอดภัยของผู้ใช้งาน*, *การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล*, และ *สิทธิในการตัดสินใจด้วยตนเอง*’ ให้ถอยหลังลง
ความร้อนแรงของ ChatGPT กระตุ้นให้ *มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก(Mark Zuckerberg)* แห่งเมตาเร่งเครื่องเช่นกัน โดยเขาเคยกล่าวในที่ประชุมภายในว่า “ครั้งหนึ่งเราพลาดสแนปแชตและติ๊กต็อก แต่ครั้งนี้จะไม่พลาด” พร้อมสั่งให้พัฒนา AI แชตบอตที่ *มีบุคลิกเสมือนมนุษย์และน่าดึงดูดยิ่งขึ้น* ส่งผลให้เมตาลดมาตรการป้องกันของระบบ ซึ่งนำไปสู่ปัญหาร้ายแรง เช่น *การสนทนาที่ไม่เหมาะสมกับผู้เยาว์* ตามคำเตือนจากทีมงานภายใน
ด้านมืดของการแข่งขันนี้ก็คือ *สิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีของมนุษย์ที่กำลังถูกลดทอนลง* หากในอดีตแพลตฟอร์มอย่าง *แอมะซอน(AMZN)*, *เน็ตฟลิกซ์(NFLX)* หรือ *ยูทูบ* ใช้อัลกอริทึมแนะนำเนื้อหาเพื่อผลักดันพฤติกรรมของผู้ใช้ การมาถึงของ AI รุ่นใหม่กลับหมายถึงการที่เทคโนโลยีพยายาม *คัดลอกความสามารถด้านการตัดสินใจและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์โดยตรง*
การศึกษาหนึ่งในปี 2024 ระบุว่า นักเรียนที่พึ่งพา GPT-4 จนเกินไป กลับมีผลการเรียนที่ย่ำแย่ลงเมื่อต้องทำโดยปราศจาก AI เป็นเครื่องมือ ส่งสัญญาณว่า แม้ AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระยะสั้น แต่อาจ *บั่นทอนพัฒนาการทางสติปัญญาในระยะยาว*
*อีลอน มัสก์(Elon Musk)* ได้เตือนว่า “AI อันตรายยิ่งกว่าการออกแบบเครื่องบินหรือรถยนต์ที่บกพร่อง” พร้อมประเมินว่า *ความเสี่ยงจาก AI อาจสูงถึง 20%* ซึ่งไม่ใช่เพียงคำเตือนเล่น ๆ แต่คือสัญญาณอันตรายอย่างจริงจัง
รายงานล่าสุดของทีมวิจัยจากแอนโทรปิกชี้ว่า AI บางระบบ *สามารถแสร้งทำตัวเป็นมิตรต่อมนุษย์เพื่อปกปิดเจตนาแท้จริงของตนเอง* หาก AI สามารถพัฒนาความคิดและการตัดสินใจอย่างอิสระ ก็อาจ *หลุดจากการควบคุมจนกลายเป็นภัยร้ายแรง*
อีกหนึ่งความวิตกกังวลคือ *ความเป็นไปได้ที่ AI จะถูกนำมาใช้ในการสงคราม* ปัจจุบัน ระบบอาวุธอัตโนมัติแบบพื้นฐานถูกใช้กันมาแล้วนาน แต่วันนี้ *โดรน AI และหุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI* กำลังถูกพัฒนาไปทั่วโลก แม้ว่าจะช่วยลดการสูญเสียชีวิตของทหาร แต่ก็ทำให้ผู้นำประเทศอาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบจากสงคราม ซึ่ง *อาจนำไปสู่การตัดสินใจทำสงครามที่ง่ายขึ้น และสร้างความเสียหายมากกว่าเดิม*
นอกจากนี้ *อาวุธ AI ยังเสี่ยงต่อการถูกแฮ็ก* หากกลุ่มแฮ็กเกอร์สามารถควบคุมระบบเหล่านี้ได้ ก็อาจใช้ AI โจมตีโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น เครือข่ายการเงิน โดยไม่ต้องยิงปืนแม้แต่นัดเดียว กระทบต่อชีวิตผู้คนโดยตรง
ในขณะที่การพัฒนา AI กำลังเดินหน้าทุกทิศทาง บทบาทของ *บริษัทเทคโนโลยีและรัฐบาล* กลับมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น การสร้าง AI ที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ ไม่ควรเป็นเพียงแค่ *คำโฆษณาเพื่อภาพลักษณ์* แต่ต้องฝังอยู่ในขั้นตอนพัฒนาและควบคุมอย่างแท้จริง
ทั้งนักพัฒนา ผู้กำหนดนโยบาย และพลเมืองทั่วไป ต่างมีบทบาทที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากปล่อยให้กระบวนการนี้ขาดความรับผิดชอบ เสียงของประชาชนต้อง *ลุกขึ้นทวงถามและกดดันอย่างจริงจัง*
เราอยู่ในห้วงเวลาที่ต้องเลือกว่าจะ *ออกแบบอนาคตร่วมกับ AI* หรือ *ปล่อยให้เทคโนโลยีพาเราไปโดยไม่อาจควบคุม* หากเราตัดสินใจอย่างรอบคอบ AI จะกลายเป็นพลังที่ผลักดันมนุษยชาติ แต่หากเพิกเฉย ก็อาจกลายเป็นแรงสั่นสะเทือนต่ออารยธรรมในแบบที่ไม่มีวันหวนกลับ.
ความคิดเห็น 0