ธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่ของสหรัฐอย่าง เจพีมอร์แกนเชส(JPM) กำลังเตรียมเปิดให้บริการ ‘สินเชื่อโดยใช้ ETF ที่มีฐานจากคริปโต’ เป็นหลักประกัน โดยมุ่งเป้าให้บริการกับลูกค้าสถาบันและกลุ่มผู้มีสินทรัพย์สูง ตามรายงานของ Bloomberg เมื่อวันที่ 4 (เวลาท้องถิ่น) แผนดังกล่าวจะอนุญาตให้ลูกค้าใช้กองทุน ETF ที่เชื่อมโยงกับสินทรัพย์ดิจิทัลในการประเมินค่าสินทรัพย์เพื่อกำหนดวงเงินกู้
จุดเริ่มต้นของบริการนี้ คาดว่าจะเป็น ‘ไอแชร์ส บิตคอยน์ ทรัสต์(iShares Bitcoin Trust)’ ซึ่งจัดตั้งโดยแบล็คร็อก(BLK) โดยถือเป็น ETF บิตคอยน์(BTC) แบบถือสินทรัพย์จริงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ด้วยสินทรัพย์สุทธิประมาณ 70.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 97.4 ล้านล้านวอน เจพีมอร์แกนมีแผนนำ ETF คริปโตหลัก ๆ รวมถึงกองทุนนี้ เข้าสู่กระบวนการประเมินทรัพย์สิน และตัดสินใจวงเงินกู้ในลักษณะเดียวกับการพิจารณาเงินกู้ที่มีหลักทรัพย์แบบดั้งเดิมเป็นหลักประกัน
เจพีมอร์แกนถือเป็นหนึ่งในบริษัทการเงินชั้นนำของวอลล์สตรีทที่ปรับตัวรับคริปโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2020 เคยเปิดตัว ‘JPMเหรียญ’ ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ที่มีมูลค่าผูกกับดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2024 ก็เปิดเผยว่าบริษัทถือครองหุ้นใน ETF บิตคอยน์แบบถือสินทรัพย์จริงหลากหลายรายการ ‘ความคิดเห็น’ การเคลื่อนไหวนี้ตอกย้ำความพยายามของสถาบันการเงินกระแสหลักในการรวมสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่ระบบการเงินแบบดั้งเดิม
ขณะเดียวกัน ธนาคารซิกนุมจากสวิตเซอร์แลนด์เปิดเผยรายงานวิเคราะห์ในเดือนมิถุนายนว่า ปริมาณบิตคอยน์ที่ไหลเวียนในตลาดกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว โดยข้อมูลในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาระบุว่า ‘อุปทานที่สามารถซื้อขายได้ลดลงราว 30%’ ปรากฏการณ์นี้เป็นผลจากการที่นักลงทุนสถาบันและบริษัทขนาดใหญ่เพิ่มการซื้อสะสม และกองทุน ETF ดึงเหรียญออกจากตลาดซื้อขายแบบสาธารณะ
ธนาคารซิกนุมเตือนว่า “การลดลงของบิตคอยน์ในตลาดอาจเป็นชนวนกระตุ้นความต้องการอย่างเฉียบพลัน และส่งเสริมแนวโน้มราคาพุ่งสูง” โดยคืนข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ปลายปี 2023 จนถึงปัจจุบัน ปริมาณบิตคอยน์บนเวอร์ชันกระดานแลกเปลี่ยนทั่วโลกลดลงมากกว่า 1 ล้าน BTC ‘ความคิดเห็น’ ปัจจัยนี้สอดคล้องกับแนวโน้มที่นักลงทุนพยายามกระจายพอร์ตในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความไม่แน่นอน อาทิ ภาระหนี้ภาครัฐของสหรัฐและความกังวลเรื่องค่าเงินดอลลาร์
ในส่วนของประเด็นเชื่อมโยงทางการเมือง มีการเปิดเผยว่าที่อยู่กระเป๋าคริปโตที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเชื่อมโยงกับประธานาธิบดีทรัมป์ ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในกระบวนการซื้อขาย อย่างไรก็ตาม ฝ่ายครอบครัวของทรัมป์ได้ออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับกระเป๋านี้ ทำให้การถกเถียงยังคงดำเนินต่อไป ‘ความคิดเห็น’ นักลงทุนในตลาดต่างจับตามองท่าทีของนักการเมืองสหรัฐต่อคริปโตอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางกระแสยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นในภาคการเงิน.
ความคิดเห็น 0