ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
กลุ่มล็อบบี้คริปโตชั้นนำของสหรัฐฯ เรียกร้องให้สภาคองเกรสนำร่างกฎหมายคุ้มครองนักพัฒนาและผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชน รวมไว้ในกฎหมายกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลปี 2025 ซึ่งอาจกลายเป็นประเด็นสำคัญของการกำหนดระเบียบตลาดคริปโตในอนาคต
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน กลุ่มองค์กรทั้ง 7 ได้แก่ DeFi Education Fund, Coin Center, สถาบันนโยบายโซลานา(Solana Policy Institute), หอการค้าดิจิทัล(The Digital Chamber), สมาคมบล็อกเชน(Blockchain Association), สภานวัตกรรมคริปโต(Crypto Council for Innovation) และสถาบันนโยบายบิตคอยน์(Bitcoin Policy Institute) ได้ออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้สภาคองเกรสนำร่าง ‘กฎหมายสร้างความชัดเจนด้านกฎระเบียบบล็อกเชน’ หรือ BRCA รวมไว้ในร่างกฎหมาย ‘CLARITY’ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา
สำหรับเนื้อหาใน *BRCA* จะมีจุดเน้นที่การยกเว้นนักพัฒนาแพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์ไม่ให้ถูกจัดประเภทเป็น ‘ผู้ให้บริการโอนเงิน’ หรือ *money transmitter* โดยเน้นว่าผู้พัฒนาเหล่านี้มีบทบาทแตกต่างจากสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม โดยคำแถลงของกลุ่มล็อบบี้ระบุว่า ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์แบบ *peer-to-peer (P2P)* ที่ไม่รับฝากสินทรัพย์ รวมถึงผู้ให้บริการโครงข่ายแบบไร้ศูนย์กลาง ควรถูกพิจารณาต่างไปจากสถาบันการเงินเดิม และไม่ควรถูกคุมด้วยชุดกฎหมายแบบเดียวกัน
กฎหมาย CLARITY ซึ่งเป็นร่างกฎหมายสองพรรค เปิดตัวช่วงปลายเดือนพฤษภาคม มีเป้าหมายเพื่อจัดโครงสร้างอำนาจใหม่ระหว่างคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(SEC) และคณะกรรมาธิการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า(CFTC) เพื่อสร้างความชัดเจนในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทอม เอมเมอร์(Tom Emmer) และริทชี ตอร์เรส(Ritchie Torres) สองสมาชิกรัฐสภา ได้เสนอร่าง BRCA ซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้พิจารณารวมไว้ในกฎหมายหลัก
แวดวงบล็อกเชนเตือนว่า หากกฎหมายใหม่ไม่สะท้อนโครงสร้างเทคโนโลยีเฉพาะของคริปโตและเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ อาจสร้างผลกระทบต่อนวัตกรรมและการพัฒนาเว็บ3 ในสหรัฐฯ ทำให้ภาคอุตสาหกรรมต้องผลักดันการมีส่วนร่วมในกระบวนการยกร่างกฎหมาย ซึ่งแถลงการณ์ฉบับนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามดังกล่าว
ในช่วงก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024 ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ส่งสัญญาณหนุนวงการคริปโตอย่างชัดเจน ส่งแรงสนับสนุนทางการเมืองให้กับภาคส่วนนี้ ขณะที่ความคืบหน้าการปฏิรูปกฎระเบียบผ่านฝ่ายบริหารยังดำเนินไปอย่างช้า ๆ ส่งผลให้กระแสเรียกร้องแนวทางแก้ผ่านกระบวนการออกกฎหมาย มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในระยะใกล้
ความคิดเห็น 0