Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

เทรดเดอร์คริปโตหันใช้คำสั่ง Stop Loss และ Take Profit รับมือความผันผวนบิตคอยน์(BTC)

ตลาดบิตคอยน์(BTC) มีความผันผวนสูง ส่งผลให้นักลงทุนมีโอกาสได้กำไรจำนวนมาก แต่ก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะขาดทุนเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ เทรดเดอร์จำนวนมากจึงเลือกใช้กลยุทธ์ ‘คำสั่งหยุดขาดทุน (Stop Loss)’ และ ‘คำสั่งทำกำไร (Take Profit)’ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร กลยุทธ์อัตโนมัติลักษณะนี้ช่วยให้การซื้อขายมีวินัยมากขึ้น ลดโอกาสความผิดพลาดจากการตัดสินใจด้วยอารมณ์ และยังสามารถควบคุมการซื้อขายได้แม้ไม่สามารถติดตามตลาดตลอดเวลา

คำสั่งทั้งสองประเภทนี้เป็นวิธีที่ใช้กันมานานในตลาดการเงินดั้งเดิม โดยการตั้งราคาที่ระบบจะซื้อหรือขายอัตโนมัติเมื่อถึงจุดหนึ่ง เพื่อป้องกันการขาดทุนหรือเพื่อรับกำไร ย้อนกลับไปก่อนที่บิตคอยน์จะถือกำเนิดในปี 2009 กลยุทธ์นี้ก็ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราและตลาดหุ้น และเมื่อบิตคอยน์เริ่มเป็นที่นิยมในตลาด ก็ถูกนำมาใช้ในตลาดคริปโตด้วยเช่นกัน

ในช่วงแรกของวงการคริปโต ผู้ใช้จำเป็นต้องตรวจสอบความเคลื่อนไหวของราคาด้วยตนเองและป้อนคำสั่งซื้อขายแบบแมนนวล แต่ปัจจุบันผู้ลงทุนสามารถใช้คำสั่งอัตโนมัติผ่านแพลตฟอร์มอย่าง ไบแนนซ์, คอยน์เบสโปร และคราเคน ทำให้สามารถวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าในปัจจุบันมีทั้งเทรดแบบอัลกอริธึมและบอตซื้อขายที่ทำงานตลอดเวลา กลยุทธ์เหล่านี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับคำสั่งหยุดขาดทุน เทรดเดอร์สามารถตั้งระบบให้ขายสินทรัพย์เมื่อราคาตกลงมาถึงระดับที่ยอมรับได้ เช่น หากผู้ลงทุนซื้อบิตคอยน์ที่ราคา 90,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.25 ล้านบาท) และต้องการจำกัดขาดทุนไม่เกิน 5,000 ดอลลาร์ ก็สามารถตั้งคำสั่งหยุดที่ราคา 85,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.18 ล้านบาท) ได้ ด้านกลับกัน คำสั่งทำกำไรจะช่วยให้ปิดคำสั่งซื้อขายโดยอัตโนมัติเมื่อราคาขยับขึ้น เช่น ในกรณีเดียวกัน หากคิดจะทำกำไรที่ระดับ 95,000 ดอลลาร์ (ราว 1.32 ล้านบาท) ก็สามารถตั้งคำสั่งทำกำไรไว้ที่ราคานั้น

ความสำคัญของกลยุทธ์นี้ยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อพิจารณาถึงความผันผวนที่รุนแรงในตลาดบิตคอยน์ ยกตัวอย่าง วันที่ 5 ธันวาคม 2024 เกิดเหตุการณ์ ‘แฟลชแครช’ ซึ่งราคาบิตคอยน์ร่วงจาก 103,853 ดอลลาร์ (ราว 1.44 ล้านบาท) ลงมาอยู่ที่ 92,251 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.28 ล้านบาท) ภายในเวลาไม่นาน หากไม่ได้ตั้งค่าคำสั่งหยุดขาดทุนไว้ การควบคุมความเสียหายก็จะเป็นไปได้ยาก

บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่มีการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นในช่วงเวลาที่ผู้ลงทุนไม่สามารถเฝ้าตลาดได้ เช่น เวลานอนหรือต้องทำงาน การตั้งค่าคำสั่งอัตโนมัติจึงช่วยสร้างความอุ่นใจได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ เช่น ความกลัวหรือโลภ ที่อาจนำไปสู่การซื้อขายแบบไม่ยั้งคิด วิธีการเหล่านี้จึงเป็นเสมือนกลยุทธ์ป้องกันตัวที่ช่วยให้การลงทุนมีโครงสร้างและหลักเกณฑ์ชัดเจนมากขึ้น

แต่อย่างไรก็ดี ‘คำสั่งอัตโนมัติ’ ไม่ได้หมายความว่าจะควบคุมความเสี่ยงได้แบบสมบูรณ์ ปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพคล่องของตลาด และความล่าช้าของระบบอาจส่งผลให้คำสั่งไม่ถูกดำเนินการในราคาที่กำหนด นักลงทุนจึงควรตรวจสอบตลาดเป็นระยะ พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซอฟต์แวร์อัตโนมัติและกลยุทธ์ขั้นสูงอาจช่วยได้ แต่ความเข้าใจในภาพรวมของตลาดและการตัดสินใจที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาคือกุญแจที่แท้จริงของการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

‘ความคิดเห็น’: แม้ระบบอัตโนมัติจะช่วยให้เทรดเดอร์ประหยัดเวลาและควบคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้น แต่อย่าลืมว่าความรู้และการเฝ้าระวังตลาดยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนที่ยั่งยืน

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1