บิตคอยน์(BTC) ทำสถิติใหม่ ดันมูลค่าตลาดคริปโตพุ่ง 10.3% นักลงทุนสถาบันแห่สะสม

บิตคอยน์(BTC) ทำสถิติราคาสูงสุดใหม่ในเดือนพฤษภาคม พร้อมมีกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่กองทุน ETF อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมของสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตขึ้น 10.3% ตามรายงานของ Binance Research เมื่อวันที่ 31 โดยระบุว่า การฟื้นตัวของตลาดหลังจากเดือนเมษายนยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในกลุ่มเหรียญหลัก

อีเธอเรียม(ETH) หนึ่งในสกุลเงินดิจิทัลที่เคลื่อนไหวช้ากว่าตลาดโดยรวมในช่วงก่อนหน้า กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง โดยมีอัตราการฟื้นตัวสูงถึง 43.9% ซึ่งเป็นตัวอย่างของการฟื้นตัวทั่วทั้งตลาด

แม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสงครามภาษีระหว่างสหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร ซึ่งนำไปสู่ความผันผวนในตลาดทุน แต่ความเชื่อมั่นในการถือครอง BTC ของนักลงทุนสถาบันยังคงแข็งแกร่ง จุดนี้ชี้ว่า BTC เริ่มถูกมองเป็น ‘สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง’ และ ‘สินทรัพย์กลยุทธ์’ สำหรับองค์กร

ข้อมูลจาก Binance Research ระบุว่า ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนประมาณ 116 แห่งถือครองบิตคอยน์รวมกันกว่า 809,100 BTC โดยกระแสการเข้าซื้อยังเพิ่มขึ้นตามราคาที่ทำนิวไฮใหม่ ความคิดเห็นของทีมวิจัยชี้ว่า “บริษัท Bitwise คาดการณ์ว่าภายในปี 2026 บริษัทต่างๆ จะถือครอง BTC รวมกันเกิน 1 ล้านเหรียญ”

ในขณะที่บิตคอยน์ยังครองตำแหน่งสินทรัพย์หลักขององค์กร แต่หลายบริษัทก็เริ่มขยายการลงทุนไปยังเหรียญอื่น เช่น อีเธอเรียม(ETH), ริปเปิล(XRP), และโซลานา(SOL) เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในพอร์ต

มองในมุมของกลุ่มตลาดย่อย กลุ่มดีไฟ (DeFi) มีการเติบโตโดดเด่นถึง 19% จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และโอกาสสร้างรายได้ ส่วนกลุ่มมีมคอยน์เติบโตตามมา 9.3% ขณะที่โทเคนที่เกี่ยวข้องกับ AI และโทเคนสินทรัพย์จริง (RWA) โตขึ้น 4.7% และ 3.6% ตามลำดับ แต่กลุ่มเกมและเลเยอร์ 2 กลับอยู่ในทิศทางอ่อนตัว

ตลาด ETF สะท้อนให้เห็นภาพรวมบวกของนักลงทุนโดยในเดือนพฤษภาคม กองทุนบิตคอยน์แบบสปอตของสหรัฐฯ มีกระแสเงินไหลเข้าสูงถึง 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7.2 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 แต่ในช่วงปลายเดือน เงินทุนประมาณ 962 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.3 แสนล้านบาท) ได้ไหลออก ท่ามกลางบรรยากาศของความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจมหภาคที่กลับมาอีกครั้ง

‘บิตคอยน์’, ‘ETF’, และ ‘การลงทุนของบริษัท’ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในโครงสร้างของตลาดคริปโตในระยะกลางถึงยาว ขณะที่กลุ่มดีไฟและโทเคนใหม่ๆ กำลังกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญสำหรับการเติบโตในอนาคต