กระทรวงการคลังสหรัฐผ่านทางสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรอย่างเข้มงวดต่อกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ในรัสเซีย หลังตรวจพบว่า ‘กลุ่ม Aeza’ และบริษัทในเครือมีบทบาทสำคัญในการให้บริการ ‘โฮสติ้งแบบกันกระสุน (Bulletproof Hosting)’ ซึ่งถูกใช้ในกระบวนการฟอกเงินคริปโต และเชื่อมโยงกับตลาดมืดดิจิทัล ด้วยการใช้ทรอน(TRX) ฟอกเงินอย่างน้อย 350,000 ดอลลาร์ หรือราว 4.8 ล้านบาท จนกลายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางการเงินดิจิทัลของสหรัฐอย่างชัดเจน
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม (เวลาท้องถิ่น) OFAC เปิดเผยว่าได้คว่ำบาตรกลุ่ม Aeza ซึ่งมีฐานที่ตั้งอยู่ในรัสเซีย พร้อมบริษัทลูกอีก 3 แห่ง ได้แก่ Aeza International Ltd ที่มีสำนักงานในสหราชอาณาจักร, Aeza Logistics LLC และ Cloud Solutions LLC ในรัสเซีย โดยระบุว่าบริษัทเหล่านี้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่อาชญากรไซเบอร์ใช้ในการแพร่กระจายมัลแวร์, ฟอกเงินจากกิจกรรมผิดกฎหมาย และขโมยข้อมูลส่วนบุคคล
แบรดลีย์ สมิธ(Bradley T. Smith) รองปลัดกระทรวงด้านข่าวกรองทางการเงินเพื่อการต่อต้านการก่อการร้าย กล่าวว่าผู้กระทำผิดทางไซเบอร์ใช้บริการของบริษัทเช่น Aeza เป็นเครื่องมือในการโจรกรรมเทคโนโลยีจากสหรัฐ, ทำการค้ายาเสพติด และปฏิบัติการโจมตีแบบเรียกค่าไถ่ (Ransomware) พร้อมชี้ว่ากลุ่มดังกล่าวเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติอย่างต่อเนื่อง *ความคิดเห็น: แสดงถึงความจริงจังในการปราบปรามภัยทางไซเบอร์ที่ใช้คริปโตเป็นตัวกลาง*
ในครั้งนี้ OFAC ยังได้คว่ำบาตรบุคคลสำคัญ 4 รายของกลุ่ม Aeza ได้แก่ อาร์เซนีย์ อะเล็กซานโดรวิช เพนเซฟ (Arsenii Aleksandrovich Penzev) ซีอีโอ, ยูรี เมรุซานโนวิช โบโซยาน (Yurii Meruzhanovich Bozoyan) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร, วลาดิเมียร์ กาสต์ (Vladimir Gast) ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยี และอีกอร์ คเนียเซฟ (Igor Knyazev) ผู้ร่วมถือหุ้น โดยแต่ละคนมีบทบาทในการบริหารงานอย่างชัดเจนหรือถือลงทุนในบริษัทมากถึง 33%
ด้านการติดตามเส้นทางเงิน OFAC ได้สั่งคว่ำบาตรกระเป๋าเงินดิจิทัลของกลุ่ม Aeza บนเครือข่ายของทรอน(TRX) ที่อยู่ TU4tDFRvcKhAZ1jdihojmBWZqvJhQCnJ4F โดยตรวจพบว่ามีการรับเงินผิดกฎหมายแล้วอย่างน้อย 350,000 ดอลลาร์ ซึ่งเงินจำนวนมากถูกนำไปใช้ในตลาดมืด, ซื้อสารตั้งต้นเคมีเพื่อผลิตยาเสพติด, และจ่ายค่าเรียกค่าไถ่จาก Ransomware
หนึ่งในข้อค้นพบสำคัญคือ Aeza มีส่วนในการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานให้แก่ตลาดมืดชื่อดังของรัสเซีย ‘BlackSprut’ ซึ่งเป็นตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตที่เคลื่อนไหวเงินมากถึง 900 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1.25 หมื่นล้านบาท ถูกใช้ในการกระจายวัสดุต้องห้ามสารเคมีก่อนผลิตเป็นยาเสพติด และเชื่อมโยงกับกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียง เช่น BianLian ซึ่งสร้างความเสียหายจาก Ransomware เกินกว่า 2 ล้านดอลลาร์ รวมถึงมัลแวร์ประเภทขโมยข้อมูลอย่าง Meduza และ Luma
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าทางการสหรัฐกำลังให้ความสำคัญกับการต่อต้านโครงข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้ *คริปโตเคอร์เรนซี* เป็นเครื่องมือในการฝ่าฝืนกฎหมาย *ความคิดเห็น: เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่รัฐเริ่มใช้มาตรการเชิงรุกกับแพลตฟอร์มสนับสนุนกิจกรรมผิดกฎหมาย*
ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำว่า นักลงทุนและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโตควรปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมเสริมสร้างระบบความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่การฟอกเงินผ่านคริปโตกำลังขยายตัว
OFAC ระบุว่าจะขยายความร่วมมือระดับนานาชาติในการจัดการอาชญากรรมไซเบอร์ และพัฒนาแนวทางการตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมบนบล็อกเชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้ใช้งานควรมีความระมัดระวังต่อข้อเสนอการลงทุนที่ "ดูดีเกินจริง" และควรยึดตามแนวทางที่เชื่อถือได้จากแหล่งข้อมูลที่มีชื่อเสียง
ความคิดเห็น 0