กองทุนรวม ETF บิตคอยน์(BTC) ของแบล็คร็อก(BLK) ทำลายสถิติรายได้จากค่าธรรมเนียมอีกครั้ง โดยสามารถสร้างรายได้มากกว่ากองทุนดัชนี S&P500 ที่เป็นสินค้าหลักของบริษัท แม้จะเปิดตัวมาไม่ถึง 1 ปีครึ่งก็ตาม
เมื่อวันที่ 24 เว็บไซต์ Bloomberg รายงานว่ากองทุนบิตคอยน์แบบสปอต iShares Bitcoin Trust (IBIT) ของแบล็คร็อก มีทรัพย์สินภายใต้การบริหารมูลค่าประมาณ 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 104.25 ล้านล้านบาท) โดยสามารถสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมราว 187.2 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.6 พันล้านบาท) ต่อปี ขณะที่กองทุน iShares Core S&P 500 ETF(IVV) ที่มีสินทรัพย์รวมสูงถึง 624,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 866.4 ล้านล้านบาท) กลับทำรายได้เพียง 187.1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.6 พันล้านบาท) ใกล้เคียงกัน
หากเปรียบเทียบขนาดของกองทุน IBIT มีขนาดเล็กกว่า IVV ถึง 9 เท่า แต่เนื่องจาก ‘อัตราค่าธรรมเนียม’ ของ IBIT อยู่ที่ 0.25% ซึ่งสูงกว่า IVV ที่อยู่เพียง 0.03% กว่า 4 เท่า ทำให้สามารถสร้างกำไรได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด หลายฝ่ายในอุตสาหกรรมเห็นตรงกันว่า IBIT ได้กลายเป็น ‘เครื่องผลิตรายได้’ มากกว่าจะเป็นเพียงกองทุนธรรมดา
ใน "ความคิดเห็น" ของเนต เจอราชี(Nate Geraci) ผู้บริหารของ Novadius Asset Management กล่าวว่า “นักลงทุนกำลังเร่งเพิ่มการถือครองบิตคอยน์ผ่านพอร์ตการลงทุน และ IBIT ก็ตอบสนองต่อความต้องการนั้นได้อย่างเต็มที่” เขายังเสริมอีกว่า “การที่นักลงทุนยอมรับค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าปกติ แสดงถึงความเต็มใจในการลงทุนในบิตคอยน์ แม้ในตลาดที่แข่งขันด้านค่าธรรมเนียมอย่างรุนแรง”
ตั้งแต่เปิดตัวในเดือนมกราคม 2024 กองทุน IBIT บันทึกกระแสเงินทุนไหลเข้าในเกือบทุกเดือน ยกเว้นเพียงเดือนเดียว โดยมีการไหลเข้ารวมกว่า 52,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 72.28 ล้านล้านบาท) คิดเป็น 55% ของเงินทุนรวมที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF บิตคอยน์ทั้งหมด ภายในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเพียงอย่างเดียว มีเงินทุนไหลเข้าสูงถึง 1.47 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.04 แสนล้านบาท) และไม่มีเงินทุนไหลออกตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายนเป็นต้นมา
พอล ฮิกกี(Paul Hickey) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Bespoke Investment Group กล่าวใน "ความคิดเห็น" ว่า “ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการลงทุนในบิตคอยน์ที่ถูกกดทับมานาน และอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าทำไมบิตคอยน์ยังคงเป็นศูนย์กลางของตลาดคริปโต”
ในขณะเดียวกัน กองทุน ETF ด้านคริปโตอื่น ๆ ก็เร่งเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยในสัปดาห์นี้ ETF ที่เกี่ยวกับการสเตกกิ้งของโซลานา(SOL) ทำยอดซื้อขายทะลุ 33 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.58 พันล้านบาท) ในวันแรกของการซื้อขาย และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ยังได้อนุมัติให้กองทุน ‘Grayscale Digital Large Cap Fund’ เปลี่ยนสถานะเป็น ETF แล้ว เปิดแนวทางสู่การขยายกองทุน ETF ที่รวมสินทรัพย์คริปโตหลายรายการ
ท่ามกลางกระแสกองทุน ETF คริปโตที่คึกคัก IBIT ของแบล็คร็อกกำลังพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรในระดับ ‘เครื่องจักร’ ด้วยการแซงหน้าแม้แต่กองทุน S&P500 ที่เป็นแกนหลักของการเงินกระแสหลัก นับเป็นสัญญาณชัดเจนว่าแนวทางการลงทุนของแบล็คร็อกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ ‘บิตคอยน์’ กลายเป็นศูนย์กลางใหม่
ความคิดเห็น 0