ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
ปี 2025 อาจกลายเป็นปีที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์อาชญากรรมคริปโต หลังจากที่บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน เชนแอนะลิซิส(Chainalysis) เปิดเผยว่า *มูลค่าคริปโตที่ถูกขโมยจากหลากหลายบริการในปีนี้พุ่งทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์ (ราว 7.8 หมื่นล้านบาท)* ภายในเวลาเพียง 142 วัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รวดเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อน
จากรายงานฉบับนี้ เหตุก่อการที่สร้างความเสียหายสูงสุดเกิดขึ้นกับ *ไบบิต(ByBit)* ซึ่งถูกโจมตีโดย *แฮกเกอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือ* ทำให้สูญเสียมูลค่า *มากถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 5.5 หมื่นล้านบาท)* ในครั้งเดียว สะท้อนให้เห็นว่าแพลตฟอร์มแบบศูนย์กลางยังคงเป็น ‘ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย’ ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนิเวศคริปโต
รายงานยังเผยว่า *23.35% ของมูลค่าคริปโตที่ถูกขโมยในปีนี้ มาจากการเจาะเข้ากระเป๋าเงินบุคคล* ไม่ใช่จากแพลตฟอร์มศูนย์กลาง อย่างที่เคยเป็นในอดีต ซึ่งอาจสะท้อนว่าแฮกเกอร์เริ่มหันไปแสวงหาเหยื่อที่มีความปลอดภัยต่ำลงแบบรายบุคคลมากขึ้น ความน่าวิตกอีกประการคือ คริปโต *กว่า 8.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท)* ที่ถูกขโมยยังคงอยู่ในสถานะ *ออนไชน์* และยังไม่ได้ถูกฟอกเงิน
กลุ่มสินทรัพย์ที่ถูกโจมตีก็เริ่มหลากหลายขึ้น แม้ *บิตคอยน์(BTC)* ยังเป็นตัวเลือกยอดนิยมในหมู่อาชญากร แต่ก็พบว่า *โซลานา(SOL)* และเชนที่ไม่ใช่ฐานอีเธอเรียม (non-EVM) เริ่มถูกนำไปใช้มากขึ้นในกิจกรรมผิดกฎหมาย ขณะที่ 'ผู้ถือครองอัลต์คอยน์' ถูกโจมตีบ่อยกว่า 'ผู้ถือบิตคอยน์' ตามข้อมูลที่เก็บจากการโจมตีล่าสุด
หากดูในมิติภูมิศาสตร์ *ภูมิภาคอเมริกาเหนือ* เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบสูงสุด ซึ่งอาจสัมพันธ์กับอัตราการนำคริปโตไปใช้งานที่สูง เมื่อเงินถูกแฮกไป ความเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกอย่างที่ถูกจับตามองคือ *ความเร็วในการฟอกเงิน* แฮกเกอร์จำนวนมากยอมจ่าย ‘ค่าส่ง’ สูงถึง *14.5 เท่าจากค่าเฉลี่ยเพื่อเร่งทำธุรกรรม* แม้ว่าค่าธรรมเนียมโดยรวมจะลดลงมาก และทำให้ค่า ‘พรีเมียมจากการฟอกเงิน’ เพิ่มขึ้นกว่า *108% จากปีก่อน*
จากทั้งหมดนี้ รายงานของเชนแอนะลิซิสย้ำเตือนอีกครั้งว่า *อาชญากรรมในโลกคริปโตยังคงพัฒนาและรุกล้ำลึกลงไป* ความพยายามจะต้องมากกว่าแค่เรื่องความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม หากแต่ต้อง *ยกระดับความมั่นคงของกระเป๋าเงินผู้ใช้งานระบบตรวจจับทันที และระบบต้านการฟอกเงิน* อย่างครอบคลุม และสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องเกิดผ่าน *ความร่วมมือระหว่างผู้ใช้งาน แพลตฟอร์ม และหน่วยงานรัฐ* เพื่อสร้างระบบคริปโตที่ ‘ปลอดภัยและยั่งยืน’ ต่อไป
ความคิดเห็น 0