ตลาดคริปโตแตะระดับ ‘4 ล้านล้านดอลลาร์’ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ กลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของวงการสินทรัพย์ดิจิทัล โดยการพุ่งทะยานครั้งนี้เกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึง 15 ปีหลังจากอุตสาหกรรมคริปโตถือกำเนิด ถือเป็นการเติบโตที่รวดเร็วอย่างมีนัยสำคัญเทียบกับสินทรัพย์ทางการเงินแบบดั้งเดิม
สถิติดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมาก หลังจากแมทธิว ซีเกล(Matthew Sigel) หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลจากบริษัทจัดการสินทรัพย์สหรัฐ ‘แวนเอ็ค’ เปิดเผยข้อมูลนี้เป็นครั้งแรก โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดยังอยู่ในภาวะไม่แน่นอน ทำให้หลายฝ่ายมองว่านี่เป็นสัญญาณชัดเจนว่า ‘คริปโต’ กำลังถูกยอมรับในฐานะทรัพย์สินทางเลือกในระบบเศรษฐกิจการเงิน
ข้อมูลจาก CoinMarketCap ระบุว่า มูลค่าตลาดคริปโตซึ่งอยู่ที่ราว 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2013 ได้เพิ่มขึ้นกว่า 1,052% ภายในปี 2025 โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ตลาดได้พุ่งจากระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์มาแตะระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่ง *คำ*วิเคราะห์ชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสหรัฐมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง
หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ชนะการเลือกตั้งและเข้ารับตำแหน่งสมัยที่สอง บรรยากาศความเชื่อมั่นของตลาดก็เริ่มฟื้นตัว ผู้เชี่ยวชาญหลายคนให้ความเห็นว่า *คำ*นโยบายเชิงบวกต่อสินทรัพย์ดิจิทัลคือแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงท่าทีของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ที่แสดงออกถึงความ ‘ยืดหยุ่น’ มากกว่ายุคของแกรี เกนส์เลอร์(Gary Gensler) รวมถึงการผลักดันกฎหมายสเตเบิลคอยน์ฉบับใหม่ที่เรียกว่า ‘Genius Act’ ก็ยิ่งตอกย้ำแนวโน้มเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมนี้
นอกจากนี้ ผลประกอบการของคริปโตเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำยังชี้ให้เห็นถึงช่องว่างการเติบโตที่น่าสนใจ โดยในขณะที่ทองคำเพิ่มขึ้นเพียง 143% และมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 7.8% ตลาดคริปโตทั้งหมดกลับทำผลตอบแทนเฉลี่ยกว่า 28.5% ต่อปี ซึ่ง *คำ*ตัวเลขนี้สะท้อนว่า คริปโตไม่ได้เป็นแค่สินทรัพย์เก็งกำไร แต่กำลังพัฒนาเป็น ‘ทองคำดิจิทัล’ ที่ทรงพลังในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ยังมีมุมมองวิพากษ์ต่อตลาดนี้ เช่น ปีเตอร์ ชิฟฟ์(Peter Schiff) นักวิเคราะห์สายทองคำชื่อดังที่ยังคงยืนกรานจุดยืนสงสัยต่อคริปโต ทว่า *ความคิดเห็น*ตลาดกลับสวนทางกับมุมมองของเขา โดยเฉพาะบิตคอยน์(BTC) และเหรียญชั้นนำที่มูลค่าตลาดยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า นักลงทุนควรมองภาพระยะยาว แทนที่จะตกใจกับความผันผวนระยะสั้น และให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายของรัฐและสภาพแวดล้อมการเงินทั่วโลกมากยิ่งขึ้น โดย *คำ*เป้าหมายถัดไปของตลาดคริปโตหลังทะลุเพดาน ‘4 ล้านล้านดอลลาร์’ คือการเข้าสู่ระบบการกำกับดูแลระดับโลก และการไหลบ่าของเงินทุนจากนักลงทุนสถาบัน
ความคิดเห็น 0