ทรัมป์เดินหน้าตรวจสอบเฟด ท่ามกลางข้อกังวลการใช้งบประมาณ 87,000 ล้านบาทเกินจริง

ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมเดินหน้าตรวจสอบเชิงลึกโครงการปรับปรุงสำนักงานใหญ่ของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 87,000 ล้านบาท ท่ามกลางกระแสข้อกล่าวหาว่า *อาจมีการใช้งบประมาณเกินจริงและบริหารงบอย่างไม่โปร่งใส* ขณะที่การเมืองเริ่มกดดัน เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด อย่างเข้มข้นมากขึ้น

รายงานเรื่องนี้ถูกเปิดเผยครั้งแรกโดยสื่อสหรัฐฯ Semafor เมื่อวันที่ 24 โดย เจมส์ แบลร์ รองหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวยืนยันถึงการตรวจสอบดังกล่าว พร้อมชี้ว่า “จะเริ่มจากการตรวจสอบว่าแบบก่อสร้างถูกเปลี่ยนแปลงหรือไม่” ทั้งยังมีรายงานว่า *วุฒิสมาชิกทิม สก็อตต์* ประธานคณะกรรมาธิการการธนาคาร วุฒิสภา อาจเข้าร่วมคณะตรวจสอบในครั้งนี้ด้วย

ทรัมป์ไม่เคยปิดบังความไม่ไว้วางใจต่อพาวเวลล์ โดยล่าสุดเขาโพสต์ผ่าน Truth Social วิจารณ์อย่างรุนแรงว่า พาวเวลล์คือ “*ประธานเฟดที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์*” และใช้จุดยืนของพาวเวลล์ที่ลังเลต่อการลดดอกเบี้ยนโยบายเป็นเหตุผลหลักในการโจมตี ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้จึงถูกมองว่าเป็นความพยายามของทรัมป์ในการผลักดัน *กระแสเรียกร้องให้ปลดพาวเวลล์ออกจากตำแหน่ง*

ด้านพาวเวลล์ชี้แจงว่า โครงการปรับปรุงดังกล่าวไม่ใช่การฟุ่มเฟือย แต่เป็น *การซ่อมบำรุงและปรับปรุงสิ่งปลูกสร้างที่จำเป็น* โดยระบุผ่านหนังสือที่ส่งถึงสำนักงานบริหารงบประมาณ (OMB) ว่า อาคารทั้งสองแห่งซึ่งสร้างมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1930 มีปัญหาทางโครงสร้างและจำเป็นต้องมีการกำจัดแร่ใยหิน เสริมโครงสร้าง รวมถึงอัปเกรดระบบประปาและระบบดับเพลิงให้ทันสมัย พาวเวลล์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการนี้ได้รับการวางแผนโดยคำนึงถึง *การใช้ภาษีประชาชนอย่างประหยัดและความปลอดภัยของพนักงาน*

การตรวสอบที่เกิดขึ้นทำให้เกิดข้อกังวลว่า อาจไม่ใช่เพียงการตรวจสอบการใช้งบประมาณทั่วไป แต่มีเจตนาเป็น *แรงกดดันทางการเมือง* ซึ่งอาจส่งผลต่อ *เสถียรภาพและความเป็นอิสระของเฟด* อีกทั้งยังอาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจเรื่อง *การต่ออายุวาระของพาวเวลล์* ซึ่งอยู่ในช่วงสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งตามที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเป็นผู้เสนอชื่อไว้

สถานการณ์ครั้งนี้นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจกำหนดทิศทางของความเป็นอิสระของนโยบายการเงินสหรัฐฯ ท่ามกลางแรงกดดันจากทรัมป์และการเมืองในวอชิงตัน การที่เฟดจะสามารถ ‘ยืนหยัด’ ได้แค่ไหนอาจกำหนดโครงสร้างของนโยบายการเงินอเมริกันในอนาคต ความเคลื่อนไหวนี้จึงเป็นที่จับตาของตลาดการเงินทั่วโลก