ทรัมป์เดินเกมเด็ด จับมือส.ส.โหวตผ่านกฎหมายคริปโต 3 ฉบับ ลุ้นชี้ชะตา 17 ก.ค.

ทรัมป์เดินหน้าเต็มกำลัง ดึงเสียงสนับสนุนกฎหมายคริปโตสำคัญ หวังผลักดันผ่านสภาครั้งใหม่

เมื่อสถานการณ์ของสามร่างกฎหมายคริปโตหลักในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เกือบล่มเพราะความขัดแย้งภายในพรรครีพับลิกัน ประธานาธิบดีทรัมป์เข้ามาจัดการด้วยตัวเอง โดยเชิญสมาชิกสภาที่มีท่าทีขัดแย้งเข้าพบเพื่อโน้มน้าวให้หันมาสนับสนุน มุ่งหวังผลักดันร่างกฎหมายผ่านในรอบการลงมติใหม่ที่กำหนดไว้ในวันที่ 17 กรกฎาคม

เมื่อวันที่ 15 (เวลาท้องถิ่น) สภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ จัดการลงมติด้านขั้นตอนเกี่ยวกับการพิจารณาสามร่างกฎหมายได้แก่ ‘กฎหมายความชัดเจนตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล’, ‘GENIUS Act’ และ ‘กฎหมายต่อต้านรัฐเฝ้าระวังผ่าน CBDC’ แต่ผลลงมติกลับแพ้ 196 ต่อ 223 เสียง โดยมี ส.ส. จากกลุ่ม ‘Freedom Caucus’ จำนวน 12 คนที่ร่วมกับเดโมแครตคัดค้าน ประเด็นสำคัญที่ทำให้เกิดการแตกแถวคือเรื่อง ‘สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง’ หรือ *CBDC* ซึ่งบางฝ่ายมองว่าบทบัญญัติใน *GENIUS* อาจเปิดช่องให้ธนาคารกลาง (เฟด) พัฒนาบริการที่คล้ายกับกระเป๋าเงินดิจิทัลหรือบัญชีส่วนบุคคลได้ แม้ว่ามาตรา 4C ของร่างกฎหมายจะระบุห้ามชัดเจน

ด้วยความเสี่ยงที่กฎหมายอาจล่มในชั้นต้น ทรัมป์จึงออกโรงผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social เพื่อประกาศหนุนร่างกฎหมาย ก่อนจะเชิญ 11 จาก 12 ส.ส. กลุ่มที่โหวตค้านเข้าพบที่ทำเนียบขาว โดยมีการหารือสั้น ๆ จนนำมาสู่ฉันทามติให้โหวต ‘เห็นชอบ’ ในการลงมติครั้งถัดไป ซึ่งคาดกันว่ามีโอกาสสูงที่ร่างกฎหมายจะผ่าน

ทรัมป์ระบุว่า “ตอนนี้ผมอยู่ในห้องทำงานรูปไข่ (Oval Office) กับ ส.ส. ที่เราต้องการเสียงสนับสนุน ทุกคนยินยอมจะโหวตผ่านร่าง GENIUS” โดยร่างกฎหมายฉบับนี้เน้นในด้าน ‘การกำกับดูแลสเตเบิลคอยน์’ และกำหนดให้มี ‘หลักทรัพย์ค้ำประกัน 100%’ พร้อม ‘มาตรฐานตรวจสอบบัญชี’

ในส่วนของ ‘กฎหมายความชัดเจนตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล’ ได้กำหนดบทบาทแยกระหว่าง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) และ คณะกรรมาธิการซื้อขายล่วงหน้า (CFTC) อย่างชัดเจน พร้อมวางกรอบการคุ้มครองนักลงทุน ขณะที่ ‘กฎหมายต่อต้านรัฐเฝ้าระวังผ่าน CBDC’ มีเป้าหมายขวางการใช้อำนาจของเฟดในการออกดอลลาร์ดิจิทัลอย่างสิ้นเชิง

ความคิดเห็น: ความเคลื่อนไหวในรอบนี้สะท้อนถึง ‘กลยุทธ์คริปโต’ ที่ทรัมป์ใช้เป็นแต้มต่อทางการเมืองอย่างชัดเจน โดยยืนหยัดสนับสนุนเทคโนโลยีทางการเงินในฐานะสัญลักษณ์ของการเป็นผู้นำโลกดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม พรรคเดโมแครตยังคงมีท่าทีไม่เห็นด้วย โดยยกประเด็น ‘ผลประโยชน์ทับซ้อน’ ว่าทรัมป์อาจถือทรัพย์สินดิจิทัลและรับเงินสนับสนุนจากบริษัทคริปโต ซึ่งควรถูกนำมาพิจารณาก่อนผลักดันกฎหมายใด ๆ ต่อไป

ทั้งหมดนี้ทำให้การลงมติในวันที่ 17 จะกลายเป็น ‘ตัวชี้ชะตา’ ของหลายร่างกฎหมายสำคัญ แต่สิ่งที่แน่นอนคือ การเข้าสู่เวทีการเมืองของทรัมป์ ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในทิศทางนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐฯ อย่างชัดเจน