ทรัมป์ประกาศรับบริจาคคริปโตอย่างเป็นทางการ ย้ำจุดยืน 'ผู้สมัครสายคริปโต'

ประธานาธิบดีทรัมป์เดินหน้าขยายอิทธิพลในตลาดคริปโตอย่างชัดเจน ล่าสุดได้ประกาศเปิดรับ ‘การบริจาคผ่านคริปโตอย่างเป็นทางการ’ สำหรับการรณรงค์เลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้งของเขา โดยถือเป็นการส่งสัญญาณถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างตัวเขากับภาคการเงินดิจิทัล ความเคลื่อนไหวนี้สร้างความโดดเด่นและแตกต่างจากนโยบายเข้มงวดด้านกฎระเบียบของรัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งทำให้ทรัมป์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งกลุ่มผู้สนับสนุน และชุมชนคริปโตที่มีแนวโน้มอนุรักษ์นิยม

ค่ายหาเสียงของทรัมป์เปิดเผยว่า ขณะนี้พร้อมรับบริจาคเป็น *คริปโตชั้นนำ* หลายประเภท เช่น บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL), ด็อกคอยน์(DOGE) และชิบะอินุ(SHIB) เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป บรรดานักลงทุนที่สนับสนุนทรัมป์ก็เริ่มโพสต์ภาพยืนยันการบริจาคและข้อความให้กำลังใจผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างล้นหลาม

ที่น่าสนใจคือ ทรัมป์ไม่ได้เพียงแค่รับบริจาคด้วยคริปโตเท่านั้น แต่ยังแสดงจุดยืนชัดเจนในฐานะ ‘ผู้สมัครสายคริปโต’ โดยในงานส่วนตัวที่จัดขึ้นที่มารา-ลาโก เขาได้กล่าวว่า “ไบเดนพยายามทำลายคริปโต” พร้อมให้คำมั่นว่า “หากได้รับเลือกอีกครั้ง จะปกป้องอุตสาหกรรมคริปโต” การประกาศนี้สะท้อนถึงจุดยืน *เอื้อต่อคริปโต* และอาจนำไปสู่นโยบายที่ผ่อนปรนมากขึ้นในวงการสินทรัพย์ดิจิทัล

กลยุทธ์ของทรัมป์กำลังส่งผลสะท้อนในโลกความจริงอย่างเห็นได้ชัด บริษัทวิจัยข้อมูลตลาดคริปโตอย่าง Santiment ระบุว่า หลังคำแถลงของทรัมป์ ปริมาณการซื้อขายของเหรียญแนวมส์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเหรียญที่มีความเกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของทรัมป์เอง ขณะที่จำนวนการพูดถึงทรัมป์ในกลุ่มคริปโตคอมมิวนิตี้ก็เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด

สถานการณ์ที่การเมืองและคริปโตเริ่มประสานผลประโยชน์กัน กำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของนโยบายเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐฯ โฆษกฝ่ายทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่า “คริปโตสามารถสอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจแบบทรัมป์ที่ยึดถือการตลาดเสรีและการลดภาษี” พร้อมทั้งวิจารณ์รัฐบาลไบเดนว่าวางแผนกดดันนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี

การเปิดรับ ‘คริปโต’ เป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนว่าทรัมป์กำลังใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์เลือกตั้ง ไม่ว่าทรัมป์จะสามารถผลักดันนโยบายผ่อนคลายการกำกับดูแลได้จริงในอนาคตหรือไม่ แต่สิ่งที่แน่นอนคือ อุตสาหกรรมคริปโตมองเขาเป็นหนึ่งในความหวังสำคัญที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในตลาดขณะนี้