Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ทรัมป์เตรียมลงนาม 'กฎหมายบิ๊กบิวตี้ฟูล' 4 ก.ค.นี้ เสี่ยงสร้างหนี้สหรัฐฯ พุ่งแตะ 127% ภายในปี 2034

ทรัมป์เตรียมลงนาม 'กฎหมายบิ๊กบิวตี้ฟูล' 4 ก.ค.นี้ เสี่ยงสร้างหนี้สหรัฐฯ พุ่งแตะ 127% ภายในปี 2034 / Tokenpost

ประธานาธิบดีทรัมป์ ผลักดันร่างกฎหมายเศรษฐกิจฉบับใหญ่ที่มีเป้าหมายชัดเจนอย่าง ‘กฎหมายบิ๊กบิวตี้ฟูล(Big Beautiful Bill)’ ซึ่งล่าสุดผ่านสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แล้ว และเตรียมเข้าสู่ขั้นตอนการลงนามอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ซึ่งตรงกับวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางเสียงเห็นต่างจากทั้งสองฝั่งการเมือง และแรงสั่นสะเทือนที่ขยายไปถึงนักลงทุนทั่วโลก

ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบในสภาผู้แทนฯ ด้วยคะแนนเสียง 218 ต่อ 214 แม้จะมีเสียงแตกจากฝั่งของพรรครีพับลิกันเอง อย่างไรก็ตาม วุฒิสภาก็ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวได้สำเร็จ โดยมีบทบาทชี้ขาดจากรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ ในการออกเสียง ทั้งนี้ ‘แก่น’ ของกฎหมายคือการลดภาษีให้กับกลุ่มผู้มีรายได้สูง พร้อมกับตัดงบประมาณของโครงการเมดิเคดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์จากนักเศรษฐศาสตร์และพรรคเดโมแครตว่าอาจเป็นภาระทางการเงินต่อประเทศในระยะยาว

คณะกรรมการงบประมาณที่รับผิดชอบ (CRFB) เตือนว่า ร่างกฎหมายนี้อาจสร้าง *ภาระขาดดุลงบประมาณ* สูงสุดถึง 5.5 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7,645 ล้านล้านวอนในระยะยาว ขณะที่อัตราหนี้ของรัฐบาลต่อ GDP สหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในระดับ 100% อาจพุ่งแตะ 127% ภายในปี 2034 ด้านบริษัทจัดอันดับเครดิต มูดี้ส์ ก็แสดงความกังวลว่า ร่างกฎหมายนี้อาจสร้างความผันผวนในตลาดพันธบัตร และกระตุ้นให้ *นักลงทุนต่างชาติเทขายสินทรัพย์สหรัฐฯ*

ด้านการเมืองก็ไม่ได้เงียบงัน โจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดี ออกมาวิพากษ์อย่างรุนแรงว่า “ทั้งไร้ความรับผิดชอบและโหดร้าย” พร้อมชี้ว่าการตัดงบประมาณครั้งนี้จะส่งผลต่อสวัสดิการของประชาชนระดับล่าง บางฝ่ายในพรรคเดโมแครตยืนยันว่า อาจมีประชาชนถึง 17 ล้านคนที่สูญเสียสิทธิประกันสุขภาพ แม้แต่ อีลอน มัสก์ ที่ครั้งหนึ่งเคยสนับสนุนทรัมป์ ยังออกมาแสดงความไม่พอใจกับแนวทางนโยบายครั้งนี้ พร้อมส่งสัญญาณว่าอาจรณรงค์ไม่ให้ ส.ส. ที่สนับสนุนร่างกฎหมายกลับเข้าสภาในการเลือกตั้งกลางสมัยปีหน้า

สายตาทุกคู่กำลังจับจ้องไปที่วันที่ 4 กรกฎาคมนี้ เมื่อทรัมป์จะลงนามรับรองกฎหมายอย่างเป็นทางการ โดยต่างรอคอยดูว่า มาตรการเหล่านี้จะถูกนำไปปฏิบัติจริงอย่างไร และจะเกิด *แรงสะเทือนทางเศรษฐกิจและการเมือง* มากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะในการเลือกตั้งกลางเทอมปีหน้า ที่กฎหมายฉบับนี้อาจกลายเป็นวาระร้อน และตัวชี้ชะตาอนาคตของเสถียรภาพการคลังและระบบสวัสดิการของสหรัฐอเมริกา ความเห็นหนึ่งระบุว่า “นี่อาจเป็นการเมืองไม่ใช่แค่เศรษฐกิจ” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้มีเป้าหมายลึกกว่าการปฏิรูปภาษีทั่วไป

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1