ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษี 70% หากคุยไม่ลงตัวภายใน 9 ก.ค. สั่นสะเทือนตลาดโลก-คริปโต

ประธานาธิบดีทรัมป์ส่งสัญญาณการกลับมาของ ‘นโยบายอเมริกาต้องมาก่อน’ ด้วยการข่มขู่เก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 70% หากการเจรจาการค้ากับประเทศคู่สัญญาไม่สำเร็จภายในวันที่ 9 กรกฎาคม ส่งผลให้ทั้งตลาดการเงินโลกและตลาดคริปโตเริ่มเกิดความผันผวนตามไปด้วย

ตามรายงานจากฝั่งรัฐบาลสหรัฐ ทรัมป์ระบุว่ามาตรการนี้จะไม่มีการขยายเวลาหรือผ่อนปรนอีกต่อไป โดยขณะนี้ประเทศต่าง ๆ ส่วนใหญ่ยังอยู่ภายใต้เงื่อนไขภาษีนำเข้า 10% แบบชั่วคราว แต่หากการเจรจาล้มเหลว จะมีการปรับขึ้นทันทีเป็น 70% ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งทำให้ชาติพันธมิตรการค้าหลักอย่าง ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สหภาพยุโรป รวมถึงอินเดีย ต้องเร่งเดินหน้าเจรจาอย่างเข้มข้นก่อนถึงกำหนดเส้นตาย

บางประเทศสามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นและหลบเลี่ยง ‘ภาษีมหาโหด’ ได้แล้ว โดยสหราชอาณาจักรยังคงอัตรา 10% แต่ได้รับข้อยกเว้นพิเศษสำหรับยานยนต์และเครื่องยนต์การบิน ในขณะที่เวียดนามยอมรับอัตรา 20% พร้อมกับได้ข้อตกลงให้นำเข้าสินค้าสหรัฐแบบปลอดภาษีบางประเภท อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นและเกาหลียังคงติดอยู่ในภาวะชะงักงันแม้เริ่มมีความคืบหน้า ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปยังไม่สามารถหาข้อสรุปภายในจากความเห็นที่แตกต่าง และอินเดียเองก็ยังปฏิเสธข้อเสนอเรื่องการนำเข้าพืชดัดแปลงพันธุกรรมจากสหรัฐ

ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยังประเทศที่ยังไม่สามารถตกลงได้ เช่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และสหภาพยุโรป โดยระบุชัดถึงรายละเอียดอัตราภาษีที่จะถูกนำมาใช้หากไม่มีข้อตกลงก่อนหมดระยะเวลา

ผลกระทบของมาตรการ ‘กีดกันการค้า’ โดยทรัมป์ กำลังสะเทือนไปยังตลาดการเงินโลก โดยดัชนีหุ้นหลักในยุโรปลดลงเฉลี่ย 1.02% ภายในวันเดียว ญี่ปุ่นลดลง 1.91% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และอินเดียปรับตัวลง 0.59% ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจหลายรายชี้ว่า ภาวะไม่แน่นอนเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศมีส่วนทำให้นักลงทุนหันไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น

สำหรับตลาดคริปโตเคอร์เรนซี แม้ในระยะสั้นจะยังถูกจัดอยู่ในสินทรัพย์เสี่ยง และอาจได้รับผลกระทบเชิงลบจากความเคลื่อนไหวของตลาดโลก แต่ในระยะยาว ความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้อทางเศรษฐกิจโลก อาจทำให้ *บิตคอยน์(BTC)* และ *สเตเบิลคอยน์* ถูกจับตามองในฐานะ *เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ* หรือแม้กระทั่ง ‘หลุมหลบภัยสินทรัพย์’

ความคิดเห็นหนึ่งที่สนับสนุนแนวโน้มนี้คือ การดำเนินนโยบายที่เป็นมิตรต่อคริปโตของทรัมป์ ทั้งการผลักดันผู้บริหารที่สนับสนุนอุตสาหกรรมเข้ารับตำแหน่งในหน่วยงานกำกับดูแล และการเปิดกว้างต่อการบรรจุบิตคอยน์เป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรอง ทว่าความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษี อาจยังสร้างแรงกดดันระยะสั้นให้ตลาดคริปโตในภาพรวม

นักลงทุนในตลาดต่างทราบดีว่าการประกาศของทรัมป์ไม่ใช่แค่คำขู่ หากมีการนำมาตรการภาษี 70% มาใช้อย่างจริงจัง อารมณ์การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจะขึ้นสูง และอาจฉุดราคาคริปโตลงเป็นการชั่วคราว อย่างไรก็ตาม หากระบบการเงินโลกเกิดความไม่มั่นคงจากการเจรจาล้มเหลว แนวคิดของ *สินทรัพย์แบบไร้ศูนย์กลาง* เช่น บิตคอยน์ อาจกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ได้รับความสนใจมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ ค่าภาษี 70% ที่ทรัมป์หยิบยกขึ้นมา จึงถือเป็น ‘ดาบสองคม’ ที่ทั้งกดดันและสร้างโอกาสให้กับตลาดคริปโตพร้อมกัน นักลงทุนต้องจับตามองเส้นตาย ‘วันที่ 9 กรกฎาคม’ อย่างใกล้ชิด รวมถึงจับทิศทางของสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าไปในช่วงครึ่งปีหลัง