ในปี 2024 ปริมาณธุรกรรมคริปโตในอิหร่านพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น การใช้สินทรัพย์ดิจิทัลของทั้งบุคคลและองค์กรในประเทศนี้จึงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ตามรายงานของ ‘เชนเอนาลิซิส’ บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน ปริมาณคริปโตที่ไหลเข้าสู่พื้นที่และองค์กรที่ถูกคว่ำบาตรในปี 2024 สูงถึง 15,800 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 22.7 ล้านล้านวอน) ซึ่งคิดเป็น 39% ของธุรกรรมคริปโตที่ผิดกฎหมายทั้งหมด แม้ว่าสำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างประเทศของสหรัฐฯ (OFAC) จะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรคริปโตจำนวน 13 ครั้ง ซึ่งถือว่าน้อยกว่าปี 2023 แต่ก็ยังเป็นจำนวนที่สูงเป็นอันดับสองในรอบเจ็ดปีที่ผ่านมา
อิหร่านได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เหตุการณ์จับตัวประกันในสถานทูตสหรัฐฯ ที่กรุงเตหะรานในปี 1979 ส่งผลให้การเข้าถึงระบบการเงินระหว่างประเทศถูกจำกัด ทำให้ประชาชนและภาคธุรกิจต้องหันมาใช้คริปโตเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ
รายงานจาก ‘เชนเอนาลิซิส’ ยังระบุว่า การเพิ่มขึ้นของธุรกรรมคริปโตในอิหร่านมักเกิดขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้น เช่น เมื่อวันที่ 14 เมษายน และ 1 ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลพุ่งสูงขึ้น ข้อมูลจาก ‘กูเกิล เทรนด์’ บ่งชี้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าว จำนวนการค้นหาเกี่ยวกับ "อิหร่าน อิสราเอล" เพิ่มขึ้นอย่างมาก
สิ่งที่น่าสนใจคือ ในบรรดาคริปโตที่ถูกโอนออกจากอิหร่าน ‘บิตคอยน์(BTC)’ มีสัดส่วนที่สูงเป็นพิเศษ โดยในช่วงต้นเดือนเมษายนและปลายเดือนกันยายน ซึ่งเป็นเวลาที่มีการรายงานว่าทางการอิหร่านอาจดำเนินการโจมตีด้วยขีปนาวุธ ปริมาณการซื้อขายบิตคอยน์ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามในการย้ายสินทรัพย์ออกนอกประเทศโดยไม่ได้พึ่งพาระบบการเงินแบบดั้งเดิม
แนวโน้มลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในอิหร่านเท่านั้น แต่ยังพบในรัสเซียเช่นกัน ซึ่งมีการใช้แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตแบบ ‘ไม่มีการยืนยันตัวตน(KYC)’ เพิ่มขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร ‘เชนเอนาลิซิส’ ชี้ว่า จำนวนแพลตฟอร์มลักษณะนี้ในรัสเซียเพิ่มขึ้น โดยบางแห่งดำเนินธุรกิจผ่านธนาคารที่ถูกคว่ำบาตรโดยตรง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากระแสการใช้คริปโตเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรจะเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณการไหลเข้าของคริปโตโดยรวมกลับลดลง เนื่องจากนานาประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ได้เพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการด้านเทคโนโลยีเพื่อป้องกันการใช้คริปโตในทางที่ผิด
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ตราบใดที่ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงอยู่ แนวโน้มการใช้คริปโตของอิหร่านและรัสเซียก็จะดำเนินต่อไป อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลอาจเดินหน้าคุมเข้มนโยบายมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางของตลาดคริปโตในอนาคต
ความคิดเห็น 0