ชิบะอินุ(SHIB) ประกาศแผนปรับโครงสร้าง DAO พร้อมจัดการเลือกตั้งเน้นอำนาจชุมชน

ชิบะอินุ(SHIB) กำลังก้าวสู่การ ‘กระจายอำนาจอย่างเต็มรูปแบบ’ ด้วยการเปิดตัวการปรับโครงสร้าง DAO และแผนการจัดการเลือกตั้ง ข้อมูลดังกล่าวมาจากประกาศล่าสุดของ คาล ดารียา(Kaal Dhairya) หัวหน้าฝ่ายพัฒนาหลักของ SHIB ซึ่งระบุว่าโครงการกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่รูปแบบการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนโดย ‘ชุมชน’

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ชิโตชิ คุซามะ(Shytoshi Kusama) แกนนำด้านการสื่อสารของ SHIB ได้เผยแพร่บล็อกโพสต์ที่วางแนวทางอนาคตของระบบนิเวศ SHIB โดยเน้นการเลือกตั้งเพื่อแต่งตั้งผู้นำกลุ่ม “วิสัยทัศน์” และสมาชิกคณะกรรมการบริหาร DAO ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญของโครงสร้างการบริหารแบบใหม่ เขาเปรียบสิ่งนี้ว่าเป็นการ ‘ถือกำเนิดของชาติชิบะอินุ’ เน้นย้ำการแสดงออกถึง ‘อธิปไตยของชุมชน’

แม้จะเปิดแผนอย่างชัดเจน แต่ดารียายืนยันว่า DAO ขณะนี้ยังไม่สมบูรณ์ โดยในตอนนี้ยังรองรับเพียง ‘ระบบลงคะแนนแบบเดี่ยว’ เท่านั้น เขาระบุผ่านบัญชีโซเชียลมีเดียว่า “ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นที่หลั่งไหลเข้ามาเกี่ยวกับแผนการเลือกตั้ง และจะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้” พร้อมเสริมว่า ระบบจะได้รับการอัปเกรดให้รองรับ ‘ฟีเจอร์อภิปรายข้อเสนอ’ และฟังก์ชันอื่นๆ ในลำดับถัดไป

การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญต่อการขยาย ‘ความโปร่งใสและการมีส่วนร่วม’ ของผู้ใช้ในระบบ SHIB เป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอจาก DAO เก่าภายใต้ BONE ไม่สามารถนำมาใช้ร่วมกับระบบปัจจุบันได้ ทำให้ถูกปฏิเสธ โดยทีมพัฒนากำลังเดินหน้าสร้างโซลูชันทางเลือกใหม่ ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับโปรเจกต์ ‘T.R.E.A.T.’ ที่ได้ชื่อว่าเป็นกลไกเศรษฐกิจขั้นถัดไปของ SHIB

ดารียาเสริมว่า "เสน่ห์อันแท้จริงของ SHIB คือการเชื่อมโยงระหว่างโทเคนต่างๆ ภายในระบบนิเวศเดียวกัน" พร้อมเปรียบเทียบกับจักรวาลของ *Star Wars* ที่โครงการต่างๆ ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างโครงสร้างที่ขยายได้อย่างไม่จำกัด เขาเน้นด้วยว่า 'แนวคิดใหม่อย่าง SHIBWater' และการทดลองต่างๆ คือหัวใจของการพัฒนา ซึ่งควรขับเคลื่อนโดยชุมชนโดยตรง

แผนการเลือกตั้งและการพัฒนาระบบ DAO ในลำดับถัดไป มีแนวโน้มจะกลายเป็น ‘จุดเปลี่ยน’ สำคัญของ SHIB ไม่ใช่แค่ในมุมมองเชิงโครงสร้างการบริหาร แต่ยังรวมถึงวิสัยทัศน์ใหม่ที่เน้น ‘อำนาจตัดสินใจของชุมชน’ อย่างแท้จริง ผู้มีส่วนร่วมในระบบ SHIB กำลังเข้าใกล้ยุคใหม่ของ DAO ที่ดำนินอยู่บนพื้นฐานของบล็อกเชนและหลักการ ‘ไร้ศูนย์กลาง’ อย่างสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ