ทรัมป์ลงนามคำสั่งคุ้มครองคริปโต สั่งห้ามธนาคารปฏิเสธให้บริการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารฉบับใหม่ ห้ามสถาบันการเงินเลือกปฏิบัติต่ออุตสาหกรรมคริปโตอย่างเป็นทางการ นับเป็นสัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงนโยบายสำหรับแวดวงคริปโตที่เผชิญปัญหา ‘การปิดกั้นบัญชีธนาคาร’ หรือ *debanking* มาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

คำสั่งนี้กำหนดอย่างชัดเจนว่า ธนาคาร สถาบันการชำระเงิน และองค์กรทางการเงินในสหรัฐฯ จะต้องไม่เลือกปฏิบัติต่อลูกค้าบนพื้นฐานของอุตสาหกรรม ความคิดเห็นทางการเมือง แรงจูงใจทางอุดมการณ์ หรือการเลือกใช้เทคโนโลยีใดๆ ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุในแถลงการณ์ว่า การไม่ให้บริการกับผู้บริโภคและภาคธุรกิจเพียงเพราะพวกเขาใช้หรือถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล ถือเป็นการละเมิดเสรีภาพของตลาดเสรีและการแสดงออก พร้อมย้ำว่าเขาจะสร้าง *สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรมสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพ*

การเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็น *กลยุทธ์กระชับจุดยืนคริปโต* ของทรัมป์ก่อนถึงการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับยุคของรัฐบาลไบเดนที่มีกรณี *การปิดบัญชีของสตาร์ทอัพคริปโต* และการจำกัดการเข้าถึงบริการทางการเงินของแพลตฟอร์มคริปโตหลายแห่งอย่างต่อเนื่อง ค่ายทรัมป์กำลังเคลื่อนไหวเพื่อขยายฐานเสียงไปสู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในวงการเทคโนโลยี รวมถึงชุมชนคริปโต ที่เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นในการเมืองอเมริกัน

คำสั่งฉบับนี้น่าจะสร้าง *ผลลัพธ์เชิงบวกต่อสตาร์ทอัพคริปโตและธุรกิจรายย่อย* อย่างมีนัยสำคัญ การมีกรอบแนวทางที่ชัดเจนทำให้ธนาคารสามารถให้บริการแก่ธุรกิจคริปโตได้มากขึ้น ลดปัญหาการเข้าถึงระบบการเงินที่เคยคุกคามต่อการอยู่รอดของหลายบริษัท เคย์ทลิน ลอง(Caitlin Long) ผู้ก่อตั้งธนาคาร Custodia Bank ซึ่งเชี่ยวชาญด้านคริปโตในรัฐไวโอมิง ระบุว่า คำสั่งของทรัมป์นี้ “เป็นข้อความที่ทรงพลังทั้งในเชิงกฎหมายและการเมือง” พร้อมชี้ว่า “นี่คือจุดเริ่มต้นของการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในอุตสาหกรรมคริปโต”

อย่างไรก็ตาม บางความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า มาตรการดังกล่าวอาจเป็นเพียงผลดีระยะสั้น เนื่องจากยังขาดโครงสร้างระบบนิเวศทางกฎหมายรองรับ และการพึ่งพาเพียงคำสั่งฝ่ายบริหารอาจไม่เพียงพอต่อความต่อเนื่องของนโยบาย นอกจากนี้ ความระมัดระวังของสถาบันการเงินอาจทำให้การปรับใช้นโยบายไปยังภาคปฏิบัติยังต้องใช้เวลา

แม้จะมีข้อจำกัด แต่ท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ครั้งนี้ถือเป็นจุดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับจุดยืนที่แข็งกร้าวของรัฐบาลไบเดนต่อสินทรัพย์ดิจิทัล และเน้นย้ำว่า ‘นโยบายคริปโต’ กำลังกลายเป็น *ประเด็นชี้ขาดในการเลือกตั้งปี 2024* การผลักดันนวัตกรรมด้านการเงินควบคู่กับการปกป้องตลาดเสรีของทรัมป์ อาจมีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนและผู้ประกอบการคริปโตที่รอคอยท่าทีเชิงบวกจากระดับผู้นำประเทศ