ผู้เชี่ยวชาญชี้ DeFi ต้องมีผลตอบแทนคงที่ หากต้องการดึงดูดนักลงทุนสถาบัน

แม้ว่า ‘การเงินไร้ศูนย์กลาง’ (DeFi) จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังขาดผลิตภัณฑ์ที่ให้ ‘ผลตอบแทนคงที่’ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่ถูกกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง เบรนดอน โกห์(Brandon Goh) ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของทรีเฮาส์(Treehouse) กล่าวในพอดแคสต์ ‘Hashing It Out’ ว่า “หาก DeFi ต้องการได้รับการยอมรับจากนักลงทุนสถาบันมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการเชื่อมโยงสองโลกนี้เข้าด้วยกัน”

ในตลาดการเงินแบบดั้งเดิม ผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่หมายถึงสินทรัพย์ที่ให้รายได้มั่นคง เช่น ตราสารหนี้หรือบัญชีฝากเงิน อย่างไรก็ตาม ในโลกของ DeFi ผลิตภัณฑ์ลักษณะนี้ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก โกห์อธิบายว่า “แม้ DeFi จะมีแพลตฟอร์มสินเชื่อ อนุพันธ์ทางการเงิน และกระดานแลกเปลี่ยนแบบไร้ตัวกลางเติบโตขึ้นอย่างมาก แต่การขาด ‘อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมาตรฐาน’ กลับเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของตลาดผลตอบแทนคงที่”

ปัญหาหนึ่งที่ DeFi ต้องเผชิญคือการไม่มีตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานเช่น ‘อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารลอนดอน’ (LIBOR) ซึ่งส่งผลให้การสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีผลตอบแทนคงที่เป็นเรื่องยาก โกห์เสนอแนวคิด ‘Decentralized Offered Rate’ (DOR) ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับระบบนิเวศ DeFi ที่เปิดเผยโปร่งใสบนบล็อกเชน โดยเขากล่าวว่า “DOR จะช่วยให้ผู้ใช้งานคำนวณผลตอบแทนได้ล่วงหน้า และลดความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่ใช้สร้างรายได้”

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับนักลงทุนสถาบัน การเข้าสู่ DeFi จำเป็นต้องมีโมเดลที่ให้ผลตอบแทนมีเสถียรภาพมากกว่ากลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูง โกห์คาดการณ์ว่า “แม้นักลงทุนสถาบันจะมีท่าทีระมัดระวังต่อกลยุทธ์ที่ให้ผลกำไรสูงแต่มีความผันผวนสูง แต่พวกเขามีแนวโน้มที่จะให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ที่โปร่งใส เช่น การสเตกกิ้ง” ซึ่งหมายความว่าหากมีการพัฒนาเครื่องมือการเงินที่ให้ผลตอบแทนคงที่มากขึ้น ก็อาจเป็นสะพานเชื่อมระหว่างการเงินดั้งเดิมและตลาดคริปโต

ในท้ายที่สุด โกห์แนะนำว่า DeFi ควรมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน แทนที่จะพึ่งพา ‘ผลตอบแทนสูงชั่วคราว’ เขากล่าวว่า “เมื่อกฎระเบียบชัดเจนขึ้นและโครงสร้างพื้นฐานดีขึ้น ตลาดผลตอบแทนคงที่อาจกลายเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตในระยะต่อไปของ DeFi”