ครบรอบ 17 ปีหลังจากที่อีเมลฉบับแรกซึ่งมีผลต่อการถือกำเนิดของ *บิตคอยน์(BTC)* ถูกส่งถึงนักวิทยาศาสตร์ด้านการเข้ารหัสชื่อดัง อดัม แบ็ก(Adam Back) โดย *ซาโตชิ นากาโมโตะ(Satoshi Nakamoto)* เมื่อเดือนสิงหาคม 2008 ซึ่งนับเป็นก้าวแรกของการวางรากฐานให้กับระบบสกุลเงินดิจิทัลในปัจจุบัน
อดัม แบ็ก เปิดเผยว่าในอีเมลครั้งนั้น นากาโมโตะได้แนบ *เอกสารไวท์เปเปอร์บิตคอยน์* พร้อมอธิบายการทำงานของแนวคิดใหม่ที่ผสานเทคโนโลยี *แฮชแคช(Hashcash)* ซึ่งเป็นผลงานเดิมของแบ็กเพื่อสร้างสกุลเงินดิจิทัลที่เชื่อมโยงแนวคิด ‘การพิสูจน์ด้วยผลงาน’ (Proof of Work หรือ PoW) เข้ากับระบบบล็อกเชนที่ใช้ในการขุดเหรียญล่วงหน้า ก่อนที่บิตคอยน์จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2009
ล่าสุด *บล็อกสตรีม(Blockstream)* ซึ่งเป็นบริษัทที่แบ็กร่วมก่อตั้ง ได้เปิดตัววิดีโอโฆษณาใหม่ที่แสดงให้เห็นเขาตอนหนุ่มกำลังอ่านข้อความต้นฉบับนั้นอีกครั้ง ทำให้โลกคริปโตย้อนระลึกถึงจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรม โดยในเนื้อความของอีเมล นากาโมโตะแนะนำว่าเทคโนโลยีแฮชแคชที่เดิมใช้ในการกรองอีเมลขยะ ควรได้รับการต่อยอดเป็นกลไกสำหรับเงินตราบนเครือข่ายบล็อกเชน ซึ่งแบ็กตอบกลับข้อความนั้นในวันถัดมาทันที
นับแต่วันนั้น บล็อกสตรีมยังคงเป็นหนึ่งในบริษัทสำคัญที่ *สนับสนุนบิตคอยน์ในระยะยาว* รวมถึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีเสริมเช่น Lightning Network และ Liquid Network ที่ต่อยอดจากบิตคอยน์โดยตรง
ภายหลังจากส่งอีเมลนั้นในปี 2008 เพียงหนึ่งปีต่อมา นากาโมโตะก็ได้ *เปิดตัวบิตคอยน์* ต่อสาธารณชน โดยการทำธุรกรรมครั้งแรกส่งเหรียญให้กับ ฮาล ฟินนีย์(Hal Finney) ผู้ซึ่งเป็นผู้รับเหรียญคนแรกของโลก ต่อมาในปลายปี 2010 นากาโมโตะก็ได้กล่าวอำลาชุมชนบนฟอรั่ม *BitcoinTalk* โดยเขียนข้อความว่า "จะปล่อยให้บิตคอยน์อยู่ในมือของชุมชน" แล้วหายตัวไปอย่างถาวร
ถึงแม้นากาโมโตะจะยังคงเป็นปริศนา แต่ *อดัม แบ็ก* ก็ยังคงถูกกล่าวถึงอยู่เสมอในฐานะหนึ่งในผู้ที่อาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังนามแฝงนี้ แม้เจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธหลายครั้งก็ตาม อย่างไรก็ตาม ชุมชนโลกคริปโตก็ยังคงเต็มไปด้วย *ข้อสงสัยและทฤษฎีมากมาย* ว่าใครคือซาโตชิตัวจริง
การครบรอบ 17 ปีของอีเมลฉบับดังกล่าว จึงไม่ใช่เพียงการย้อนรำลึกถึงอดีตเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นการตั้งคำถามว่า *โครงสร้างของสินทรัพย์ดิจิทัลในปัจจุบัน* ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดในวันนั้นอย่างลึกซึ้งเพียงใด โดยเฉพาะการนำ PoW และแฮชแคชมาเป็นแกนหลัก
ขณะเดียวกัน *ไบรอัน อาร์มสตรอง(Brian Armstrong)* ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ *คอยน์เบส(Coinbase)* คาดการณ์ผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวว่า ราคาบิตคอยน์อาจพุ่งแตะ *1 ล้านดอลลาร์* ภายในปี 2030 โดยให้เหตุผลจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การที่รัฐบาลสหรัฐเริ่มถือครองบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์ ความชัดเจนด้านกฎระเบียบ รวมถึงความต้องการลงทุนใน ETF ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ เขา *ย้ำว่าไม่ใช่คำแนะนำด้านการเงิน* และควรตระหนักถึงความไม่แน่นอนของตลาดคริปโตอยู่เสมอ
ความคิดเห็น 0