ตลาดคริปโตเผชิญกับแรงขายอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ก่อให้เกิดความกังวลว่า ‘วัฏจักรขาขึ้น’ อาจถึงจุดสูงสุดแล้ว อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนกลับมองว่า นี่เป็นเพียง ‘การปรับฐานครั้งใหญ่’ หรือ ‘กับดักหมี’ มากกว่าเป็นจุดจบของตลาด โดยตั้งแต่จุดสูงสุดวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา มูลค่าตลาดรวมลดลงราว 7.3% หรือประมาณ 3.4 แสนล้านดอลลาร์(ราว 472.6 ล้านล้านวอน) บิตคอยน์(BTC) ดิ่งลงเกือบ 7.5% ขณะที่อีเธอเรียม(ETH) ร่วงมากกว่า 10% จากจุดสูงสุดของปี
อเล็กซ์ ครูเกอร์(Alex Krüger) นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ตลาด กล่าวว่า “ตลาดมักตื่นตระหนกแม้มีการปรับฐานเพียงเล็กน้อย” เขามองว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ควรตีความว่าเป็น ‘จุดจบ’ ของตลาด โดยชี้ว่าทฤษฎี ‘วัฏจักรคริปโต 4 ปี’ ไม่ได้ใช้ได้อีกต่อไป “ปี 2017 เป็นครั้งสุดท้ายที่ทฤษฎีนี้ใช้ได้” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า ปี 2021 ที่ตลาดคริปโตร่วงลง เป็นผลจากนโยบายตึงตัวของธนาคารกลางสหรัฐ ไม่ใช่เพราะธรรมชาติของวัฏจักรตลาด
ครูเกอร์ยังกล่าวอีกว่า “ขาขึ้นรอบนี้ยังคงมีอยู่” และมีแนวโน้มว่าธนาคารกลางจะกลับมาใช้นโยบายการเงินในทิศทาง ‘ผ่อนคลาย’ มากขึ้น เขาชี้ว่า “แรงส่งสำหรับการรีบาวด์ครั้งถัดไปยังมีอยู่ การปรับฐานนี้จึงอาจเป็นเพียงการถอยเพื่อรุกในระยะสั้น” นอกจากนี้ เขายังแสดงความเห็นว่า การฟื้นตัวของตลาดจะต้องอาศัย ‘ตัวกระตุ้นหลัก’ เช่น นโยบายการเงินที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ไม่ใช่เพียงแค่ภาวะตื่นตัวเกินของตลาด
จุดเปลี่ยนสำคัญอาจเกิดขึ้นในวันศุกร์นี้ เมื่อเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ เตรียมขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมแจ็กสันโฮล ซึ่งคำพูดของเขาอาจเป็นตัวชี้นำต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
ขณะเดียวกัน มุมมองที่ว่าภาวะหมีรอบนี้เป็น ‘กับดักขนาดใหญ่’ ก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น โดยย้อนดูปี 2017 และ 2021 ทั้งสองช่วงต่างเผชิญการปรับตัวลงเฉลี่ย 25-40% ในเดือนกันยายน ก่อนจะทำจุดสูงสุดใหม่ภายในไม่กี่เดือนถัดไป นักวิเคราะห์บางคนยังระบุว่า วัฏจักรขาขึ้นในอดีตมักยาวนานเฉลี่ย 9 เดือน โดยมีการปรับฐานในเดือนที่ 6 ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
นักวิเคราะห์ชื่อ คริปโตคอน(CryptoCon) กล่าวว่า ตามทฤษฎี ‘วัฏจักรจากการ Halving ของบิตคอยน์’ จุดสูงสุดของราคาในอดีตปรากฏภายใน 3 สัปดาห์ก่อนหรือหลังวันที่ 28 พฤศจิกายน นั่นหมายความว่า ตลาดตอนนี้น่าจะยังอยู่ใน ‘ช่วงกลางของวัฏจักรขาขึ้น’ ซึ่งสะท้อนว่าทฤษฎีการคาดการณ์จากรอบ Halving ยังคง ‘มีน้ำหนัก’
สรุปแล้ว การอ่อนตัวครั้งนี้มีแนวโน้มจะเป็นเพียง ‘การปรับฐาน’ ตามแบบฉบับของวัฏจักร มากกว่าการสิ้นสุดของขาขึ้นอย่างถาวร โดยทิศทางในระยะต่อไปจะขึ้นอยู่กับจุดเปลี่ยนสำคัญอย่าง ‘นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ’ ว่าจะกลับมาผ่อนคลายหรือไม่
ความคิดเห็น 0