อีเธอเรียม(ETH) กำลังเข้าสู่ช่วง *ปรับฐานราคา* หลังจากหยุดชะงักที่ระดับใกล้จุดสูงสุดตลอดกาล โดยทิศทางของราคาจะขึ้นอยู่กับว่า *แนวรับสำคัญ* จะสามารถประคองไว้ได้หรือไม่ ขณะนี้ตลาดเต็มไปด้วยความผันผวนระยะสั้น และแรงซื้อแรงขายกำลังต่อสู้กันอย่างเข้มข้น
ราคาของอีเธอเรียมเคยพยายามทะลุระดับต้านที่ 4,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.6 ล้านบาท) แต่ไม่สำเร็จ และเริ่มเข้าสู่ช่วงปรับตัวลง โดยในกราฟรายวัน พบว่าราคากำลังพยายามยืนเหนือระดับ 4,070 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.6 ล้านบาท) ซึ่งเป็นจุดกลับตัว 0.5 Fibonacci ปัจจัยนี้สำคัญ เพราะเป็นจุดกึ่งกลางของแนวโน้มขาขึ้น และเคยเป็นแหล่งที่แรงซื้อหลั่งไหลเข้ามาในอดีต
หากอีเธอเรียมหยุดไม่อยู่ที่ระดับนี้ แนวรับถัดไปอยู่ที่ช่วง 3,900~3,660 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.4~5.0 ล้านบาท) ซึ่งอาจกลายเป็น ‘โซนสะสม’ สําหรับนักลงทุน แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการ *ปรับตัวลงอย่างรุนแรง* ตัวชี้วัด RSI (Relative Strength Index) อยู่ใกล้ระดับ 57 บ่งชี้ว่าตลาดอยู่ในสถานะกลาง ๆ และยังไม่มีทิศทางชัดเจน
ในระยะสั้น กราฟ 4 ชั่วโมงชี้ว่าราคาพยายามตั้งแนวรับที่ 4,200 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.8 ล้านบาท) โดยหากสามารถทะลุแนวต้านที่ 4,400 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.1 ล้านบาท) ที่เกิดจากรูปแบบ *Inverse Head & Shoulders* ก็อาจมีโอกาสดีดกลับไปใกล้จุดสูงสุดเดิม อย่างไรก็ตาม ถ้าระดับ 4,200 ดอลลาร์พังทลาย ราคาก็อาจดิ่งลงได้ถึง 3,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.2 ล้านบาท)
ข้อมูลออนเชนยังสนับสนุนแนวโน้มดังกล่าว โดยที่ช่วง 4,800~4,900 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.6~6.8 ล้านบาท) มีการ *ล้างโพซิชั่นชอร์ต* จำนวนมาก ส่งผลให้เกิดแรงดีดระยะสั้น แต่หลังจากนั้นตลาดกลับพลิกลงอย่างรวดเร็ว และทำให้สถานะซื้อบริเวณ 4,100~4,200 ดอลลาร์ ถูกบังคับขาย กลายเป็นแรงขายเพิ่มเติม
ในขณะนี้ มีแนวโน้มด้านสภาพคล่องอยู่ 2 พื้นที่สำคัญ คือ ระดับ 4,500~4,700 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.2~6.5 ล้านบาท) ซึ่งเป็นโซนที่เคยมีการล้างโพซิชั่นชอร์ต อาจกลายเป็นแม่เหล็กสำหรับแรงซื้อ ขณะที่โซน 3,800~3,900 ดอลลาร์ ยังคงมี *โพซิชั่น Long* ที่ยังไม่ถูกล้าง หากแนวรับปัจจุบันแตก ก็อาจกลายเป็นต้นตอของแรงขายชุดใหม่
สุดท้ายนี้ ทิศทางระยะสั้นของราคาอีเธอเรียมจะขึ้นอยู่กับสภาพคล่องภายในตลาดและจุดแนวรับทางเทคนิคมากกว่าปัจจัยภายนอก หากยังไม่มีการเบรกเอาท์อย่างชัดเจน ก็มีแนวโน้มที่ราคาจะ *แกว่งตัวในกรอบแคบ* ระหว่าง 4,200~4,500 ดอลลาร์ ในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งอาจมีความผันผวนสูงจากการทยอยปิดโพซิชั่นที่สะสมกันอยู่ ความเคลื่อนไหวเหล่านี้จะเป็นจุดที่นักลงทุนต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0