Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ธนาคารสหรัฐผวา! ดอกเบี้ยสเตเบิลคอยน์อาจดูดเงินฝาก 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ออกจากระบบ

ธนาคารสหรัฐผวา! ดอกเบี้ยสเตเบิลคอยน์อาจดูดเงินฝาก 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ออกจากระบบ / Tokenpost

โรนิต โกส(Ronit Ghose) หัวหน้าฝ่ายอนาคตการเงินของซิตี้กรุ๊ป ออกโรงเตือนว่า หากมีการจ่าย ‘ดอกเบี้ย’ สำหรับเงินฝากในสเตเบิลคอยน์ อาจก่อให้เกิดภาวะ ‘เงินฝากไหลออกจากธนาคาร’ ขนาดใหญ่ คล้ายเหตุการณ์บูมของกองทุนตลาดเงิน(Money Market Fund) ในยุคปี 1980s

ตามรายงานของ Financial Times เมื่อวันที่ 24 ระบุว่า โกสเปรียบเทียบผลกระทบของดอกเบี้ยจากสเตเบิลคอยน์กับการเติบโตของ Money Market Fund ในช่วงปี 1970-1980 ซึ่งมูลค่ากองทุนเพิ่มจาก 4,000 ล้านดอลลาร์ในปี 1975 เป็น 235,000 ล้านดอลลาร์ในปี 1982 จนนำไปสู่การถอนเงินฝากจากภาคธนาคารสหรัฐสูงกว่าจำนวนที่ฝากใหม่ถึง 32,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ธนาคารถูกควบคุมเพดานอัตราดอกเบี้ย แต่ Money Market Fund สามารถเสนออัตราผลตอบแทนที่ยืดหยุ่นกว่า

ในทำนองเดียวกัน ฌอน เวียร์กุตซ์(Sean Viergutz) ผู้บริหารที่ปรึกษาการเงินจาก PwC ระบุว่า การเคลื่อนย้ายของผู้บริโภคสู่สเตเบิลคอยน์อาจส่งผล **กระทบต่อระบบธนาคาร** ได้ โดยเฉพาะกรณีที่ธนาคารต้องยกดอกเบี้ยเพื่อแข่งขันดึงดูดเงินฝาก หรือพึ่งพาตลาดเงินมากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะเพิ่มต้นทุนในการระดมทุน และอาจสะท้อนผ่านไปยัง **ต้นทุนสินเชื่อที่สูงขึ้นสำหรับครัวเรือนและธุรกิจ**

สืบเนื่องจากความกังวลนี้ วงการธนาคารสหรัฐได้เรียกร้องให้ปิด ‘ช่องว่างทางกฎหมาย’ ที่อาจเปิดทางให้สเตเบิลคอยน์สามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ โดยเฉพาะในกรณีของร่างกฎหมาย ‘GENIUS’ ที่ห้ามผู้ออกสเตเบิลคอยน์จ่ายดอกเบี้ย แต่มาตรการเดียวกันไม่ได้ครอบคลุมถึงบริษัทย่อยหรือแพลตฟอร์มคริปโต ซึ่งกลุ่มธนาคารมองว่าเป็นการ ‘อนุญาตทางอ้อม’

ในจดหมายอย่างเป็นทางการที่เพิ่งยื่นต่อสภาคองเกรส กลุ่มธนาคารเตือนว่า ช่องโหว่นี้อาจสร้าง ‘บิดเบือนในกระแสสินเชื่อ’ และมีความเสี่ยงที่เงินทุนมูลค่ากว่า 6.6 ล้านล้านดอลลาร์จะ ‘ไหลออกจากระบบธนาคาร’ ซึ่งถือเป็นมูลค่าระดับระบบเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายอุตสาหกรรมคริปโตกลับไม่เห็นด้วย โดยสองสมาคมอุตสาหกรรมหลักได้คัดค้านผ่านจดหมายถึงสภา โดยชี้ว่าการแก้กฎหมายที่เสนอจะสร้าง ‘กำแพงกั้นทางกฎหมายที่เอื้อให้กับธนาคารเดิม’ พร้อมทั้งจำกัด ‘ทางเลือกของผู้บริโภค’ และสกัดกั้น ‘นวัตกรรมทางการเงิน’

ในมุมของรัฐบาลสหรัฐ ท่ามกลางข้อถกเถียงทั้งหมด กลับเน้นย้ำถึง ‘มูลค่ายุทธศาสตร์ของสเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับดอลลาร์’ โดยสก็อตต์ เบสเซนต์(Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุเมื่อเดือนมีนาคมว่า “ตามคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ สหรัฐจะใช้สเตเบิลคอยน์เพื่อรักษาตำแหน่งของดอลลาร์ในฐานะเงินสำรองหลักของโลก”

ความขัดแย้งในประเด็น ‘ดอกเบี้ยของสเตเบิลคอยน์’ กำลังขยายจากการถกเถียงเชิงนโยบาย กลายเป็นเวทีแข่งขันเชิง ‘อธิปไตยทางการเงิน’ ระหว่างธนาคารดั้งเดิมกับเทคโนโลยีคริปโต ท่ามกลางโลกการเงินที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างชัดเจน

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1