ราคาบิตคอยน์(BTC) ซึ่งเคยพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง ได้หยุดชะงักลงที่บริเวณแนวต้านสำคัญที่ระดับ 115,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.59 ล้านบาท) ก่อนจะถอยหลังลงมาราว 2,000 ดอลลาร์ ส่งผลให้การฟื้นตัวของตลาดช่วงก่อนหน้านี้ต้องสะดุด โดยเหรียญอัลคอยน์ส่วนใหญ่ก็เผชิญแรงเทขายควบคู่กัน ทำให้กำไรจากวันก่อนหน้าถูกลบล้างไปเกือบหมด
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา บิตคอยน์เริ่มต้นที่ระดับ 115,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.60 ล้านบาท) แต่กลับถูกกดดันจากแรงขายอย่างหนัก ทำให้ราคาร่วงลงแตะระดับต่ำสุดระยะสั้นที่ 112,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.55 ล้านบาท) และในวันศุกร์ บิตคอยน์เคยร่วงหลุดแนวรับไปถึง 109,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.51 ล้านบาท) ก่อนจะยืนได้ที่ช่วง 109,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.52 ล้านบาท) ตลอดสุดสัปดาห์ กระทั่งวันจันทร์ ราคาได้ปรับขึ้นกลับไปแตะระดับสูงที่ 114,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.59 ล้านบาท) อย่างรวดเร็วภายในวันเดียว
อย่างไรก็ตาม ราคายังไม่สามารถทะลุแนวต้าน 115,000 ดอลลาร์ได้ และได้อ่อนตัวกลับลงมาต่ำกว่า 113,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.57 ล้านบาท) ในปัจจุบัน ขณะที่มูลค่ารวมของบิตคอยน์ในตลาด (Market Cap) ถอยกลับมาอยู่ที่ประมาณ 2.25 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 3,128 ล้านล้านบาท) ส่วนสัดส่วนการครองตลาด (Dominance) ขยับขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 56.7%
ทางด้านอัลคอยน์ก็เผชิญทิศทางเดียวกัน โดยอีเธอเรียม(ETH) ที่ก่อนหน้านี้เคยทะลุระดับ 4,200 ดอลลาร์ (ประมาณ 584,000 บาท) ก็ถอยกลับลงมาราว 100 ดอลลาร์ นอกจากนี้ เหรียญหลักอย่างโซลานา(SOL), ริปเปิล(XRP), คาร์ดาโน(ADA), อวาแลนช์(AVAX) และสเตลลาร์ลูเมน(XLM) ต่างปรับตัวลดลงในระดับเล็กน้อย
เหรียญบางตัวเผชิญแรงเทขายหนักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ *ไฮพริเควิด(HYPE), เอเธนา(ENA), สตอรี่(IP) และ อัสเตอร์(ASTER)* ที่ราคาร่วงมากถึง 10% ส่งผลให้ตลาดบางส่วนเริ่มตั้งคำถามต่อความร้อนแรงแบบชั่วคราวในบางโปรเจกต์ ความเห็นจากนักวิเคราะห์มองว่านี่อาจเป็นการ ‘พักฐาน’ หลังจากเกิดการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งเตือนถึงกระแสการลงทุนเก็งกำไรที่เริ่มแผ่วลง
ด้านภาพรวมของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล มูลค่ารวมของตลาดลดลงไปกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 834,000 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า ส่งผลให้มูลค่ารวมลดต่ำกว่าระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,560 ล้านล้านบาท) อีกครั้ง ขณะที่นักลงทุนต่างให้ความสนใจกับแนวโน้มในอนาคต โดยเฉพาะความสามารถของ *บิตคอยน์* และ *อีเธอเรียม* ในการกลับมายืนจุดสูงสุดเดิม ท่ามกลางตลาดที่กลับมาเผชิญกับความไม่แน่นอนและแนวต้านทางเทคนิคอีกครั้ง
ความคิดเห็น 0