รัฐบาลอังกฤษกดดันแอปเปิล(AAPL) ปลดล็อก iCloud เสี่ยงกระทบความปลอดภัยคริปโต

รัฐบาลอังกฤษจุดชนวนความขัดแย้งอีกครั้งในแวดวงไซเบอร์และคริปโต หลังร้องขอให้แอปเปิล(AAPL) ‘ปลดล็อกการเข้ารหัสไฟล์สำรองใน iCloud’ สำหรับบัญชีผู้ใช้งานในอังกฤษโดยเฉพาะ การเรียกร้องครั้งนี้แม้จะจำกัดขอบเขต แต่ก็สร้างเสียงคัดค้านอย่างหนักจากวงการผู้เชี่ยวชาญและกลุ่มผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว โดยระบุว่าอาจนำไปสู่ ‘ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระดับร้ายแรง’

เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) รัฐบาลอังกฤษยื่นเอกสาร ‘หนังสือแจ้งขีดความสามารถทางเทคนิค (Technical Capability Notice: TCN)’ ต่อแอปเปิล เพื่อให้รัฐสามารถเข้าถึงข้อมูลไฟล์สำรองแบบเข้ารหัสในบัญชีผู้ใช้ภายในประเทศ เอกสารนี้อ้างอิงอำนาจตามกฎหมาย ‘พระราชบัญญัติอำนาจสืบสวนข้อมูลข่าวสาร (Investigatory Powers Act)’ ที่ให้อำนาจรัฐในการสั่งให้บริษัทจัดหาเทคโนโลยีเฉพาะเพื่อการเข้าถึงข้อมูล

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมกราคม อังกฤษเคยเรียกร้องให้แอปเปิล ‘ระงับฟีเจอร์การปกป้องข้อมูลขั้นสูง (Advanced Data Protection)’ จากผู้ใช้ในอังกฤษ หรือไม่ก็พัฒนา “ช่องทางลับ” หรือ ‘Backdoor’ เพื่อให้รัฐเข้าถึงข้อมูลได้ ล่าสุดแม้สำนักข่าวด้านความมั่นคงของสหรัฐจะอ้างว่าอังกฤษถอยจากจุดยืนดังกล่าว แต่ปัจจุบันฟีเจอร์ดังกล่าวยังไม่เปิดให้ใช้ในอังกฤษอยู่ดี

ประเด็นน่ากังวลคือ หลายกระเป๋าเงินคริปโต เช่น คอยน์เบส วอลเล็ต, ยูนิสวอป วอลเล็ต, เซอเรียน, คริปโตดอทคอม ดีไฟ วอลเล็ต และเมต้ามาสก์ ต่าง ‘สำรองกุญแจส่วนตัวของผู้ใช้งานในรูปแบบเข้ารหัส’ ผ่าน iCloud แม้ดูปลอดภัย แต่ถ้ารัฐสามารถเข้าถึงไฟล์ดังกล่าวได้ ก็อาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ ‘เดาชุดรหัสผ่าน’ (dictionary attack) หรือ ‘สุ่มเดาแบบถี่’ (brute-force) ได้ หากสำเร็จ ผู้ไม่หวังดีจะสามารถเข้าควบคุมคริปโตของผู้ใช้งานได้โดยตรง ความเสี่ยงจึงพุ่งสูงขึ้นตามความซับซ้อนของรหัสผ่านที่ใช้

องค์กรสิทธิดิจิทัลชื่อดัง ‘มูลนิธิอิเล็กทรอนิก ฟรอนเทียร์ (Electronic Frontier Foundation: EFF)’ แสดงความกังวลว่า “มาตรการนี้จะทำให้ผู้ใช้ชาวอังกฤษปลอดภัยน้อยลง และมีเสรีภาพน้อยลง” พร้อมเตือนว่า “การสร้าง Backdoor ให้รัฐ ก็คือการเปิดประตูให้แฮ็กเกอร์ จารกรรมตัวตน และดำเนินการฉ้อโกงทางการเงินได้ง่ายขึ้น”

บิตคอยน์(BTC)และคริปโตเคอร์เรนซีโดยรวมเติบโตควบคู่ไปกับ ‘การเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัว’ โดยมีรากฐานมาจากกระแสไซเฟอร์พังค์ (Cypherpunk) ที่รวมตัวต่อต้านรัฐบาลสหรัฐในอดีตซึ่งพยายามควบคุมเทคโนโลยีการเข้ารหัสเหมือนอาวุธสงคราม โดยถือว่า ‘สิทธิ์ในการเข้ารหัส’ เป็นหัวใจหลักของความเป็นอิสระในโลกดิจิทัล

ข้อเรียกร้องล่าสุดของรัฐบาลอังกฤษจึงไม่ใช่แค่การตั้งคำถามด้านเทคนิค แต่สะท้อน ‘แรงกดดันทางการเมืองต่อแนวคิดความเป็นส่วนตัวและอำนาจการควบคุมของผู้ใช้งาน’ ซึ่งเป็นแก่นกลางของโลกคริปโต ความขัดแย้งเรื่องอนาคตของเทคโนโลยีการเข้ารหัสจึงอาจกลายเป็นสมรภูมิถัดไปที่อุตสาหกรรมนี้ต้องเผชิญ