ตลาดคริปโตสะเทือน! มูลค่าหาย 2 แสนล้านดอลลาร์ในวันเดียว นักลงทุนจับตาแนวรับสำคัญ

ตลาดคริปโตเผชิญกับการปรับฐานครั้งใหญ่ มูลค่าตลาดหายไปกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ในวันเดียว

ตลาดคริปโตเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนัก ส่งผลให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ในวันเดียว เมื่อวันที่ 25 มูลค่าตลาดรวมของสินทรัพย์ดิจิทัลลดลง 8% ร่วงต่ำกว่า 3.1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แนวโน้มขาขึ้นที่เคยหนุนตลาดกำลังหายไป และหากมูลค่าตลาดลดลงต่ำกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ นักวิเคราะห์เตือนว่าอาจเกิดแรงเทขายเพิ่มเติม

ตลาดอนุพันธ์ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน ตามข้อมูลจาก Coinglass ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา นักเทรดกว่า 314,000 รายถูกบังคับปิดสถานะ ส่งผลให้มูลค่าการชำระบัญชีรวมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ โดยกว่า 90% เป็นตำแหน่งซื้อ (Long Position) ที่โดนปิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ BitMEX มีคำสั่งชำระบัญชีรายการเดียวสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงกว่า 5% ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจากระดับ 96,000 ดอลลาร์ไปสู่ 91,000 ดอลลาร์ และมีการฟื้นตัวเล็กน้อยมายืนที่ 91,500 ดอลลาร์

อีเธอเรียม(ETH) ก็เผชิญกับแรงขายอย่างหนัก ลดลงเกือบ 10% และเสียระดับ 2,500 ดอลลาร์ ส่วนเหรียญทางเลือกอย่าง โซลานา(SOL), เชนลิงก์(LINK), อวาลานเช(AVAX) และ ซุย(SUI) ต่างร่วงหนักในอัตราสองหลัก โดยเฉพาะโซลานาที่ร่วงลงกว่า 50% ในรอบเดือนที่ผ่านมา หลังจากกระแสเหรียญมีมเริ่มซาลง

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าแรงเทขายครั้งนี้เป็นเพียงการปรับฐานตามปกติ โดย Checkmate นักวิเคราะห์ตลาดคริปโตกล่าวว่า "ระดับ 90,000 ดอลลาร์ต้น ๆ ถือเป็นแนวรับแรก และหากมีแรงขายต่อเนื่อง อาจเห็นการปรับฐานสู่ 86,000 ดอลลาร์" พร้อมแนะนำให้นักลงทุนวางแผนกลยุทธ์ระยะยาว

ดัชนีความกลัวและความโลภของบิตคอยน์ (Fear & Greed Index) ลดลงสู่ระดับ 25 ซึ่งบ่งชี้ถึง 'ความหวาดกลัวอย่างรุนแรง' และเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว ราอูล พาล(Raoul Pal) ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมหภาค ระบุว่า "ในตลาดกระทิงของคริปโต มักมีการปรับฐาน 28% หรือมากกว่านั้นหลายครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ" พร้อมยกตัวอย่างปี 2017 ที่เกิดเหตุการณ์คล้ายคลึงกัน

ในขณะที่ตลาดยังไร้ทิศทางที่ชัดเจน คำถามสำคัญคือ การร่วงลงครั้งนี้เป็นเพียงการปรับฐาน หรือเป็นสัญญาณเริ่มต้นของตลาดหมี นักลงทุนจึงควรจับตาดูแนวรับหลักและสภาพจิตวิทยาตลาดอย่างใกล้ชิด