โครงการยืนยันตัวตนดิจิทัลระดับโลก ‘เวิลด์คอยน์(WLD)’ เผชิญแรงกดดันด้านกฎระเบียบอีกระลอก หลังถูกหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของไทยเข้าตรวจค้นจุดให้บริการสแกนม่านตาในกรุงเทพฯ โดยมีข้อสงสัยว่าบริษัทได้ให้บริการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนเทรนด์การตรวจสอบโครงการคริปโตจากทั่วโลกที่เริ่มลามมาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อวันที่ 7 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ของไทย เปิดเผยว่าได้ร่วมมือกับกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เข้าตรวจสอบสถานที่ให้บริการสแกนม่านตาของเวิลด์ซึ่งพบว่ามีการดำเนินกิจกรรมที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายการเงิน โดยบริการของเวิลด์อนุญาตให้ผู้ใช้งานยืนยันตัวตนผ่านอุปกรณ์ที่ชื่อว่า ‘Orb’ เพื่อรับโทเคนประจำแพลตฟอร์มคือ *เวิลด์คอยน์(WLD)* เป็นรางวัล
เวิลด์ได้เปิดจุดสแกนม่านตาทั้งหมด 102 แห่งทั่วประเทศไทย โดยมีการแจกจ่ายโทเคนหลังจากยืนยันตัวตนของผู้ใช้ ก.ล.ต. ยืนยันว่าบริการดังกล่าวดำเนินการโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเข้าข่ายละเมิดพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ ฉบับปัจจุบัน ทั้งนี้ ตำรวจได้จับกุมผู้เกี่ยวข้องในที่เกิดเหตุและเริ่มต้นการสอบสวนเพิ่มเติม
ความคิดเห็น: กรณีของเวิลด์ในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความพยายามจากหน่วยงานทั่วโลกในการควบคุมแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับ *การเก็บข้อมูลชีวภาพ* โดยไม่ได้รับการยอมรับทางกฎหมาย การที่โครงการเวิลด์พึ่งพาข้อมูลชีวมิติในการให้บริการ แต่ไม่สามารถชี้แจงกรอบการคุ้มครองผู้ใช้อย่างชัดเจน ทำให้เกิดคำถามต่อ *ความน่าเชื่อถือ* ของโครงการดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ เคนยา, สเปน และไนจีเรียต่างก็ออกคำสั่งห้ามหรือจำกัดการดำเนินงานของเวิลด์ด้วยเหตุผลใกล้เคียงกัน ปัจจุบัน แม้ว่าโทเคนเวิลด์คอยน์(WLD) จะมีปริมาณซื้อขายรายวันสูงถึง 98 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,362 ล้านบาท) บนเว็บเทรดหลักทั่วโลก แต่ *ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ* ยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อแนวโน้มการเติบโตระยะยาวของโครงการ
ความเคลื่อนไหวจากรัฐบาลไทยในครั้งนี้จึงสะท้อนได้ว่า เวิลด์อาจต้องเผชิญกับมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในหลายประเทศ หากยังไม่สามารถปรับโครงสร้างให้สอดคล้องกับกฎหมายของแต่ละพื้นที่
ความคิดเห็น 0