CZ แห่งไบแนนซ์ได้รับอภัยโทษจากทรัมป์ ดันราคาไบแนนซ์คอยน์(BNB) พุ่ง 5% ภายในวันเดียว

ชางเผิง เจา(Changpeng Zhao) หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า CZ ผู้ก่อตั้งไบแนนซ์(Binance) ได้รับ ‘การอภัยโทษอย่างเป็นทางการ’ จากประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อวันที่ 23 ที่ผ่านมา โดยเป็นการดำเนินการที่ลงนามเรียบร้อยแล้ว ตามรายงานจากสื่อใหญ่อเมริกัน นอกจากนี้ CZ เองยังเคยพูดไว้ในพอดแคสต์ช่วงต้นปีว่า ทีมทนายความของเขาได้ยื่นคำร้องขออภัยโทษ ซึ่งสะท้อนถึงการเตรียมการล่วงหน้าที่ชัดเจน กระแสข่าวนี้ได้ส่งผลบวกทันทีต่อราคาของโทเคนประจำแพลตฟอร์ม คือ ไบแนนซ์คอยน์(BNB) ซึ่งพุ่งขึ้นกว่า 5% ภายในวันเดียว แตะระดับสูงสุดในวันนั้นที่ 1,138 ดอลลาร์ หรือราว 1.58 ล้านบาท

นอกจากข่าวใหญ่ด้านการเมืองดังกล่าว ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลยังมีอีกเหตุการณ์ที่น่าจับตามอง คือ การเคลื่อนย้ายเหรียญริปเปิล(XRP) มูลค่ากว่า 506 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7,037 ล้านบาท ในธุรกรรมเดียว เป็นการโอนจากกระเป๋าเงินนิรนามไปยังอีกกระเป๋าหนึ่ง โดยไม่มีการเปิดเผยวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้เกิดการคาดการณ์ในหมู่นักลงทุนว่าอาจเป็นสัญญาณของ ‘กลยุทธ์การจัดพอร์ต’ หรือเตรียมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดคริปโตเริ่มฟื้นตัว ก็ยิ่งทำให้หลายฝ่ายมองว่าอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

อีกหนึ่งข่าวที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการคริปโตในวันเดียวกันคือ การ ‘ปลุกตื่น’ ของกระเป๋าเงินบิตคอยน์(BTC) ยุคซาโตชิ ที่หลับใหลมานานกว่า 14 ปี โดยมีการโอนบิตคอยน์ประมาณ 4,000 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 444 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6,116 ล้านบาท การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นจากกระเป๋าที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 2009–2011 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ซาโตชิ นากาโมโตะยังคงมีบทบาทในชุมชนคริปโต และสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้เล่นในตลาดอย่างมาก รายงานจากบริษัทวิเคราะห์ออนเชน ‘Onchain Lens’ ระบุว่า เจ้าของกระเป๋าใบนี้ได้เริ่มทยอยขายบิตคอยน์ผ่านหลายกระเป๋า เพื่อกระจายความเสี่ยง

เหตุการณ์ทั้งสาม ไม่ว่าจะเป็น *การอภัยโทษของประธานาธิบดีทรัมป์*, *การโอนริปเปิลมูลค่ามหาศาล,* หรือ *การตื่นของวาฬบิตคอยน์ยุคบุกเบิก* ต่างสะท้อนถึงพลวัตของตลาดที่ผสมผสานระหว่างแรงขับเคลื่อนทางการเมือง กลยุทธ์ของผู้เล่นรายใหญ่ และพฤติกรรมของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความผันผวนสูง ความเคลื่อนไหวเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงทิศทางใหม่ของวงการคริปโตในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อโลกการเมืองเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในสมรภูมินี้ ความเห็นจากนักวิเคราะห์หลายรายเห็นตรงกันว่า การผสมผสานระหว่าง ‘การเมือง’ และ ‘เทคโนโลยีการเงิน’ จะกำหนดทิศทางใหม่ให้กับวงการคริปโตอย่างแน่นอน