ซีอีโอคราเคนวิจารณ์กฎโฆษณาคริปโตของอังกฤษ ชี้ทำผู้ใช้งานถดถอย-จำกัดบริการกว่า 75%

อาร์จุน เซตี(Arjun Sethi) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของคราเคน(Kraken) แสดงความไม่พอใจต่อข้อกำหนดด้านการโฆษณาเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีของสำนักงานกำกับดูแลการเงินแห่งสหราชอาณาจักร(FCA) โดยระบุว่าแนวทางดังกล่าวส่งผลให้การทำธุรกรรมล่าช้าและผู้ใช้งานเข้าถึงบริการได้ยากขึ้น

เขากล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ Financial Times เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ข้อความเตือนบนเว็บไซต์คริปโตเคอร์เรนซีในสหราชอาณาจักรคล้ายคำเตือนบนซองบุหรี่ และส่งสารไปยังผู้ใช้ว่า "การเยี่ยมชมเว็บไซต์เหล่านี้ถือเป็นความเสี่ยง" โดยเซตียังย้ำว่า แนวทางของ FCA ทำให้ ‘ประสบการณ์ผู้ใช้งานถดถอย’ มากกว่าจะช่วยในด้าน ‘คุ้มครองผู้บริโภค’

มาตรการที่เป็นปัญหา คือ กฎข้อบังคับการส่งเสริมการเงิน(Financial Promotions Rule) ที่มีผลบังคับใช้เมื่อปี 2023 ซึ่งกำหนดให้เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตต้องแสดง ‘คำเตือนถึงความเสี่ยง’ อย่างชัดเจน และเพิ่มขั้นตอนแบบ ‘แรงเสียดทานเชิงบวก’ เช่น แบบทดสอบความเข้าใจสำหรับผู้ลงทุน

แม้ FCA จะยืนยันว่ามาตรการเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อ ‘คุ้มครองผู้บริโภค’ และถือว่ากำลัง ‘ได้ผลตามที่ตั้งใจไว้’ เพราะช่วยกรองนักลงทุนที่ไม่เหมาะสมออกไป แต่เซตีกลับเห็นต่าง โดยเขาระบุว่า “แม้จะเข้าใจถึงความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูล แต่ข้อกำหนดที่เข้มข้นเกินไปในอังกฤษกำลังปิดกั้นโอกาสของลูกค้า” พร้อมเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์กว่า 75% ที่เปิดให้บริการในตลาดสหรัฐ กลับไม่สามารถให้บริการในสหราชอาณาจักร

ด้านอื่น ๆ ก็มีเสียงวิจารณ์เช่นกัน ก่อนหน้านี้ วีบู ดาส ผู้บริหารสาขาสหราชอาณาจักรของคราเคน เคยแสดงความไม่พอใจต่อความล่าช้าในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล รวมถึงข้อเสนอการจำกัดการถือครองสเตเบิลคอยน์ของธนาคารกลางที่ยังไม่ชัดเจน ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงของคอยน์เบส(Coinbase) ก็ระบุว่า “ข้อจำกัดเช่นนี้ไม่เคยมีในเขตอำนาจสำคัญอื่น ๆ ทั่วโลก”

อย่างไรก็ตาม นักกฎหมายผู้เชี่ยวชาญด้านกำกับดูแลการเงินอย่าง เดวิด เฮฟรอน และ แฮนนา มิคิน กลับมองว่า การดำเนินนโยบายของ FCA และธนาคารกลางอังกฤษ เป็น “มาตรการที่ให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเงิน” และถือเป็น “รากฐานในการยกระดับความสามารถของอังกฤษในด้านการเงินดิจิทัล”

ท่ามกลางข้อถกเถียงเรื่องแนวทางกำกับดูแลของ FCA คราเคนยังคงรุกขยายธุรกิจต่อเนื่อง เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทตัดสินใจเข้าซื้อกิจการ Small Exchange ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า(CFTC) สหรัฐ ด้วยมูลค่าราว 100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 134 พันล้านวอน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาดอเมริกา

‘ความคิดเห็น’ ท่าทีของหน่วยงานกำกับดูแลในอังกฤษอาจยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียง แต่ท่ามกลางภูมิทัศน์คริปโตยุคใหม่ ความเคลื่อนไหวของสหราชอาณาจักรกำลังได้รับการจับตามองจากทั่วโลก