เอชเอสบีซี(HSBC) ธนาคารรายใหญ่ระดับโลก เตรียมเดินหน้าพัฒนาบริการ *เงินฝากแบบโทเคน(Tokenized Deposit)* อย่างจริงจัง โดยเลือกใช้ *เทคโนโลยีสินทรัพย์ดิจิทัล* แทนที่จะพึ่งพา *เหรียญที่มีเสถียรภาพ (Stablecoin)* ที่กำลังได้รับความนิยมในตลาดคริปโต โดยตั้งเป้าให้บริการสำหรับลูกค้าองค์กรใน *สหรัฐ* และ *สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์* ภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2026
บริการดังกล่าวเรียกว่า *Tokenized Deposit Service (TDS)* ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที มานิช คอลลี หัวหน้าฝ่ายโซลูชันการชำระเงินของเอชเอสบีซี เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการถกเถียงอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับ *เงินฝากแบบโทเคน, เหรียญที่มีเสถียรภาพ,* และ *สกุลเงินดิจิทัล* โดยย้ำว่า “เราได้วางเดิมพันครั้งใหญ่ในสนามนี้”
เงินฝากแบบโทเคนคือการนำเงินฝากจากธนาคารแบบเดิมมาครอบด้วยเทคโนโลยี *บล็อกเชน* ให้กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ภายใต้การกำกับดูแลจากหน่วยงานทางการเงิน โดยยังคงอ้างอิงบัญชีงบดุลของธนาคารเช่นเดียวกับเงินฝากทั่วไป *ความแตกต่างจาก Stablecoin* อย่างชัดเจนคือเงินฝากแบบโทเคนสามารถ ‘จ่ายผลตอบแทน’ ได้ตามกฎระเบียบ ขณะที่ Stablecoin เช่นที่ออกโดยบริษัทเซอร์เคิล(Circle)นั้น ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยให้แก่ผู้ใช้งานได้เนื่องจากข้อกำหนดทางกฎหมาย
การประกาศของเอชเอสบีซีเกิดขึ้นในช่วงที่ธนาคารรายใหญ่อย่าง *เจพี มอร์แกน* และ *ซิตี้แบงก์* ต่างเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสกุลเงินดิจิทัลของตนเอง เพื่อตอบรับการเติบโตของตลาด และแย่งชิงความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน ขณะที่ธนาคารหลายแห่งเริ่มมองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่พวกเขาออกเองมีความปลอดภัยกว่าและควบคุมได้มากกว่า Stablecoin จากภาคเอกชน
แม้ว่าบริการฝากเงินแบบโทเคนจะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน แต่จุดเด่นคือการผสานความ *ปลอดภัยทางการเงินและผลตอบแทน* เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานของระบบธนาคารแบบดั้งเดิม ทำให้ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในฐานะ *ทางเลือกใหม่ที่น่าจับตาแทน Stablecoin* หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า กลยุทธ์ของเอชเอสบีซีอาจเป็น ‘แนวทางตัวอย่าง’ ให้แก่ธนาคารระดับโลกในการปรับตัวเข้าสู่โลกการเงินดิจิทัลอย่างสมดุล
ความคิดเห็น 0