จิม แครมเมอร์ พิธีกรชื่อดังจาก CNBC ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับบิตคอยน์(BTC) อีกครั้ง โดยระบุว่าแม้จะ ‘ชื่นชอบบิตคอยน์’ แต่โครงสร้างด้านราคาของมันยังคง “น่าสงสัย” พร้อมกล่าวเป็นนัยว่า ราคาที่ทรงตัวเหนือระดับ 90,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.2 ล้านบาท) อาจเกิดจากแรงผลักดันที่ผิดธรรมชาติ
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) แครมเมอร์ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันราคาบิตคอยน์ดูเหมือนจะถูกเหนี่ยวรั้งให้อยู่ในกรอบ 90,000 ถึง 92,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.17 ล้านถึง 1.2 ล้านบาท) โดย ‘กลไกที่ไม่โปร่งใส’ เช่น การซื้อขายอนุพันธ์ การใช้เลเวอเรจ กลยุทธ์เฮดจ์ของนักขุด ไปจนถึงผลิตภัณฑ์โครงสร้างทางการเงิน “มันดูเหมือนกับว่า มีองค์กรลับบางอย่างกำลังจงใจพยุงราคาอยู่” เขากล่าว พร้อมใช้คำว่า ‘Cabal’ สื่อเป็นนัยถึงกลุ่มที่มีอิทธิพลเหนือตลาด ซึ่งก่อให้เกิดกระแสวิจารณ์ทันทีหลังการอ้างถึง
คำพูดของเขาเกิดขึ้นในช่วงบิตคอยน์ร่วงแตะระดับ 89,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.197 ล้านบาท) ก่อนจะรีบาวด์กลับขึ้นไปที่ 91,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.217 ล้านบาท) ภายในเวลาอันรวดเร็ว เหตุการณ์นี้สอดคล้องกับรูปแบบการซื้อขายในช่วงหลัง ซึ่งมักจะเห็นแรงซื้อทันทีเมื่อราคาปรับตัวลงต่ำกว่าระดับสำคัญ แครมเมอร์แสดง “ความเห็น” ว่า “นี่ยังไม่ใช่การฟื้นตัวที่เป็นไปตามกลไกธรรมชาติของตลาด”
ในโลกออนไลน์ ปรากฏกระแสตอบโต้ในรูปแบบของมีม ‘Inverse Cramer’ หรือ ‘อินเวิร์ส แครมเมอร์’ ซึ่งหมายถึงการลงทุนตรงข้ามกับความเห็นของแครมเมอร์ โดยมักปรากฏว่าเมื่อแครมเมอร์แสดงความกังวล ราคาบิตคอยน์จะพุ่งขึ้นแทน ความเคลื่อนไหวนี้ตอกย้ำความคลางแคลงที่บางส่วนมีต่อการวิเคราะห์ของเขา
ทั้งนี้ เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนการแถลงผลประกอบการไตรมาสของบริษัทชิปยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอย่างเอ็นวีเดีย(NVDA) โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า ความผันผวนของหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่อาจส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกัน ความวิตกว่าราคาบิตคอยน์อาจถูกควบคุมหรือจัดการโดยบางกลุ่มก็ยิ่งขยายตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อ ‘ความเชื่อมั่น’ ของนักลงทุนในระยะยาว
แม้แครมเมอร์จะยอมรับ ‘คุณค่าที่แท้จริงของบิตคอยน์’ แต่เขากลับตั้งข้อสงสัยต่ออนุพันธ์และเครื่องมือเก็งกำไรที่เกี่ยวข้อง โดยกล่าวว่า “ผมไม่เชื่อมั่นในเกมราคาระยะสั้นเหล่านี้” พร้อมเน้นย้ำว่า ปัญหามิได้อยู่ที่เทคโนโลยี แต่คือ ‘โครงสร้างการกำหนดราคา’
ภายใต้สถานการณ์ที่ตลาดคริปโตกำลังเข้าสู่ช่วง ‘เติบโตเต็มที่’ คำพูดของแครมเมอร์จึงถูกมองว่าอาจจุดประกายให้หน่วยงานกำกับต้องพิจารณาบทบาทของอนุพันธ์และความเป็นไปได้ของ ‘ตลาดที่ไม่โปร่งใส’ มากขึ้นในอนาคต
ความคิดเห็น 0