บิตคอยน์(BTC)เกิดแฟลชแครชบนไบแนนซ์ ราคาร่วงแตะ 24,111 ดอลลาร์ก่อนรีบาวด์แตะ 87,000 ดอลลาร์

บิตคอยน์(BTC)เกิดปรากฏการณ์ ‘แฟลชแครช’ (Flash Crash) บนกระดานซื้อขาย USD1 ของไบแนนซ์ โดยราคาร่วงลงอย่างรุนแรงเหลือเพียง 24,111 ดอลลาร์ในเวลาไม่กี่วินาที ก่อนจะกระเด้งกลับขึ้นไปที่ระดับ 87,000 ดอลลาร์ทันที อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในคู่ซื้อขาย BTC/USD1 เท่านั้น ไม่ได้กระทบกับคู่ซื้อขายหลักอย่าง BTC/USDT ซึ่งราคายังคงเสถียร คำว่า ‘USD1’ เป็นสเตเบิลคอยน์ที่ออกโดยบริษัท World Liberty Financial ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวของประธานาธิบดีทรัมป์

ความผิดปกติที่เกิดขึ้นสะท้อนถึง ‘ปัญหาสภาพคล่อง’ ในตลาดช่วงเวลาที่มีการซื้อขายเบาบาง โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่นักลงทุนไม่ค่อยเคลื่อนไหว เมื่อผู้ดูแลสภาพคล่องถอดรายการคำสั่ง หรือมีช่วงราคาที่ไม่มีคำสั่งซื้อขาย การวางออเดอร์ขนาดใหญ่อาจทำให้ราคาผันผวนอย่างรุนแรงและผิดเพี้ยนจากตลาดจริง แต่เมื่อราคากลับมาสู่ระดับเดิมอย่างรวดเร็ว จึงถือเป็นเหตุการณ์ชั่วคราวที่ไม่สะท้อนทิศทางของตลาดในภาพรวม

นิค เพอร์คริน(Nic Puckrin) ผู้ร่วมก่อตั้ง Coin Bureau ให้ความเห็นว่า เหตุการณ์นี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของการใช้ ‘เลเวอเรจเกินความเหมาะสม’ โดยกล่าวว่า “ภาวะตลาดที่บางและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้นักลงทุนควรระมัดระวังเป็นพิเศษ” พร้อมระบุว่าการเคลื่อนไหวของราคาครั้งนี้ไม่ได้มาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น จึงไม่ถือเป็นสัญญาณของตลาดขาขึ้นที่แท้จริง

นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากความผิดพลาดของอัลกอริทึมหรือระบบ เช่น บ็อตเทรดทำงานผิดปกติ หรือมีการป้อนคำสั่งผิด ส่งผลให้เกิดความผิดพลาดของราคาในช่วงเวลาอ่อนไหว

ในด้านเทคนิค ขณะนี้ราคาบิตคอยน์ปรับตัวขึ้น 0.89% ภายใน 24 ชั่วโมงล่าสุด มาอยู่ที่ 87,693 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดคริปโตโดยรวมที่ 0.83% เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ระดับราคานี้ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดเมื่อเดือนตุลาคมที่ 126,000 ดอลลาร์

นักวิเคราะห์ชี้ว่าบิตคอยน์กำลังเคลื่อนไหวภายในรูปแบบ ‘สามเหลี่ยมขาลง’ และราคายังอยู่ใต้เส้นค่าเฉลี่ย 21 วัน ซึ่งบ่งบอกว่ายังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน การทะลุระดับแนวต้านออกไป หรือหลุดจากแนวรับสำคัญ จะเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

*ความคิดเห็น*: นักลงทุนควรระวังการใช้เลเวอเรจในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำหรือมีความไม่แน่นอน และอาจใช้กลยุทธ์รอจังหวะก่อนเข้าเทรด จนกว่าสัญญาณการทะลุแนวรับหรือแนวต้านจะปรากฏอย่างชัดเจน