Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

นักวิเคราะห์ชี้สัญญาณกลับตัว บิตคอยน์(BTC) อาจแตะจุดต่ำสุด ก่อนพุ่งขึ้นในระยะใกล้

บิตคอยน์(BTC) อาจกำลังสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในระยะสั้น หลังปรับตัวลดลงกว่า 35% จากจุดสูงสุดที่ระดับประมาณ 126,200 ดอลลาร์เมื่อสองเดือนก่อน โดยสัญญาณจากทั้งปัจจัยด้านเทคนิคและข้อมูลบนเครือข่ายแสดงให้เห็นถึง ‘แรงขายที่เริ่มอ่อนแรงลง’ และมีแนวโน้มเกิดการกลับตัวขาขึ้นในอนาคตอันใกล้

ข้อมูลจากนักวิเคราะห์ระบุว่าตัวชี้วัดหลายอย่างกำลังส่งสัญญาณสนับสนุนแนวโน้มฟื้นตัวของบิตคอยน์ ไม่ว่าจะเป็นโมเมนตัม, สถานะของนักขุด และสภาพคล่องในตลาด ภาพรวมทั้งหมดชี้ไปในทางเดียวกันว่าแรงขายใกล้หมดลงแล้ว โดย Stochastic RSI รายสัปดาห์ของบิตคอยน์ ณ เดือนธันวาคมเริ่มพลิกตัวขึ้นจากระดับ Oversold ซึ่งแพทเทิร์นลักษณะเดียวกันนี้เคยปรากฏในช่วงต้นปี 2019, มีนาคม 2020 และปลายปี 2022 ซึ่งล้วนแล้วแต่เกิดขึ้น ‘ใกล้จุดต่ำสุดสำคัญของราคา’ ในอดีตทั้งสิ้น

นักวิเคราะห์ชื่อ Jesse ระบุว่าการกลับตัวของโมเมนตัมมักเกิดก่อนราคาจะปรับขึ้นตาม และขณะนี้แผนภูมิราย 3 วันของบิตคอยน์ก็แสดงให้เห็นสัญญาณ ‘bullish divergence’ หรือราคาที่ทำจุดต่ำใหม่ ขณะที่โมเมนตัมไม่ลงตาม ซึ่งเคยเป็นรูปแบบที่ปรากฏก่อนการฟื้นตัวในปี 2021 และช่วงที่เกิดวิกฤติ FTX ในปี 2022

ในด้านเครือข่าย ข้อมูลจากวาเน็ค เปิดเผยว่าแฮชเรตของบิตคอยน์ลดลง 4% ภายในหนึ่งเดือนสิ้นสุดวันที่ 15 ธันวาคม โดยแมตต์ ซีเกล และแพทริก บุช นักวิเคราะห์ของวาเน็คมองว่านี่คือ ‘สัญญาณเชิงบวกที่ขัดแย้งกับตลาด’ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าแวดวงนักขุดบิตคอยน์อาจเริ่มยอมจำนน (Miner Capitulation) แล้ว ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2014 หากแฮชเรตลดลงภายใน 30 วัน บิตคอยน์มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนเชิงบวกในช่วง 90 วันถัดมา ราว 65% ของกรณี และเพิ่มขึ้นเป็น 77% ภายใน 180 วัน พร้อมค่าเฉลี่ยผลตอบแทนกว่า 72% ขณะเดียวกันหากราคาฟื้นขึ้นจริง จะกระตุ้นให้กำลังการขุดที่เคยหยุดชะงักกลับมาออนไลน์อีกครั้ง

ในด้านมหภาค การวิเคราะห์ของเมียด แคสราวี ระบุว่า ‘ดัชนีสภาพคล่องทางการเงินแห่งชาติของสหรัฐ (NFCI)’ อาจเป็นตัวนำของการฟื้นตัวของบิตคอยน์ โดยผลจากการทดสอบย้อนหลังของตัวชี้วัดมากกว่า 105 รายการ พบว่าแต่ละครั้งที่ NFCI แตะจุดสูงสุด ราคาบิตคอยน์มักเริ่มฟื้นตัวภายใน 4-6 สัปดาห์ ตัวอย่างชัดเจนคือช่วงปลายปี 2022 และกลางปี 2024 โดยช่วงเวลานั้นเกิดการพุ่งขึ้นของราคาอย่างมีนัยสำคัญ โดยทุกการลดลงของ NFCI ราว 0.10 จุด มักสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของราคาบิตคอยน์ 15%–20% และปรากฏการณ์นี้มักเกิดในช่วงแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวของตลาด

ณ เดือนธันวาคม NFCI อยู่ที่ -0.52 และยังมีแนวโน้มลดลง ซึ่งบ่งชี้ว่าสภาพคล่องในตลาดเริ่มดีขึ้น โดยมี ‘มาตรการเปลี่ยนจากหลักทรัพย์จำนองสู่พันธบัตรรัฐบาล’ ของธนาคารกลางสหรัฐ เป็นหนึ่งในตัวเร่งสำคัญ คล้ายกรณี ‘not-QE’ ปี 2019 ที่บิตคอยน์พุ่งขึ้นถึง 40% หลังจากนั้นไม่นาน

แม้ปัจจัยต่างๆ จะส่งสัญญาณไปในทางกลับตัวขาขึ้น แต่ตลาดจำนวนมากยัง ‘คาดว่า’ ราคาบิตคอยน์อาจยังร่วงต่อ โดยมีกรอบเป้าหมายราคาตั้งแต่ 70,000 ดอลลาร์ ไปจนถึง 25,000 ดอลลาร์ ซึ่งห่างจากระดับปัจจุบันพอสมควร

*บทความนี้ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน ผู้อ่านควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ Cointelegraph ไม่รับประกันความถูกต้องหรือความครบถ้วนของข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูลในบทความนี้*

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1