บิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญแรงกดดันด้านราคาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีการซื้อขายใกล้ระดับ 87,700 ดอลลาร์ หรือราว 1.26 ล้านบาท ลดลงจากจุดสูงสุดในเดือนตุลาคมถึงประมาณ 30% ในขณะที่ราคาทองคำกลับพุ่งขึ้นราว 70% ในช่วงเวลาเดียวกัน สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ ‘บิตคอยน์’ จะถูกขนานนามว่าเป็น ‘ทองคำดิจิทัล’ แต่ในปีนี้กลับเป็นทองคำจริงที่กลายเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนให้ความสนใจมากกว่า
ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนสูง ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า หรือปัญหาหนี้สาธารณะที่สะสม นักลงทุนต่างปรับพอร์ตการลงทุน หันไปหาสินทรัพย์แบบดั้งเดิมอย่าง ‘ทองคำ’ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ราคาทองคำที่เริ่มต้นปีที่ 3,860 ดอลลาร์ ปรับขึ้นถึง 4,480 ดอลลาร์ (ประมาณ 644,400 บาท) ในทางกลับกัน บิตคอยน์กลับลดลงประมาณ 6% ในช่วงเวลาเดียวกัน
หลังจากเดือนตุลาคม ราคาทองและบิตคอยน์ยิ่งเคลื่อนไหวสวนทางกันชัดเจน บิตคอยน์ร่วงจากระดับสูงสุดที่ 126,272 ดอลลาร์ ลงมามากกว่า 30% ขณะที่ราคาทองคำเดินหน้าสูงขึ้นกว่า 15% ตามข้อมูลจากธนาคารดอยช์แบงก์ นักลงทุนถอนเงินออกจากผลิตภัณฑ์ลงทุนในบิตคอยน์ โดยเฉพาะในช่วงปลายปีซึ่งมักมีสภาพคล่องต่ำ ในทางตรงกันข้าม ETF ทองคำกลับรับกระแสเงินทุนเข้าอย่างต่อเนื่อง
อีกปัจจัยที่กดดันสินทรัพย์เสี่ยงอย่างบิตคอยน์คือ ‘อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง’ ของสหรัฐฯ ซึ่งยังอยู่ในระดับสูง การไม่มีผลตอบแทนจากดอกเบี้ยทำให้บิตคอยน์อยู่ในสถานะเสียเปรียบ ในขณะเดียวกันก็มีกระแสการบังคับขายจากการใช้เลเวอเรจสูงในตลาดคริปโต ทำให้ราคาตกลงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจคือ เราแทบไม่เห็นการเทขายจากกลุ่มนักลงทุนรายย่อยเลย ข้อมูลจาก on-chain ชี้ว่า กระเป๋าเงินขนาดเล็กยังคงถือสินทรัพย์ไว้อย่างมั่นคง เป็นสัญญาณว่าแรงขายส่วนใหญ่มาจากสถาบันหรือการปรับสถานะในตลาดตราสารอนุพันธ์
ในแง่ของ ‘เทคนิคการวิเคราะห์ราคา’ บิตคอยน์กำลังเข้าสู่ภาวะบีบตัวด้านราคาในกรอบแนวโน้มขาลง โดยมีโซน 86,500–86,700 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.24 ล้านบาท) เป็นระดับแนวรับสำคัญ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเลขชี้กำลัง (EMA) ระยะเวลา 50 และ 100 ชั่วโมง อยู่ในช่วง 87,750–87,980 ดอลลาร์ ส่งแรงกดบนกรอบราคาไว้
รูปแบบแท่งเทียนที่แคบลงและการเกิด ‘spinning top’ ซ้ำ ๆ บ่งบอกถึงภาวะลังเลของตลาด ดัชนี RSI อยู่ที่ระดับ 52 แสดงสัญญาณ ‘bullish divergence’ ซึ่งอาจเป็นลางบอกเหตุของการดีดตัวขึ้น หากราคาสามารถเบรกแนวต้านสำคัญ 88,800 ดอลลาร์ได้ ก็มีโอกาสพุ่งไปยังระดับ 90,600 ดอลลาร์หรือ 92,700 ดอลลาร์ในลำดับถัดไป
แต่หากไม่สามารถยืนเหนือแนวรับ 86,500 ดอลลาร์ได้ การปรับฐานลงสู่ระดับ 83,800 ดอลลาร์ หรือแม้แต่ 81,600 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.17 ล้านบาท) ก็ยังมีความเป็นไปได้
แม้ตลาดจะดูเหมือนโยกย้ายความเชื่อมั่นจากบิตคอยน์ไปสู่ทองคำในปีนี้ แต่ทิศทางหลังจากช่วง ‘บีบตัว’ ของกราฟราคานี้จะเป็นหัวใจสำคัญที่กำหนดแนวโน้มตลาดในช่วงต้นปี 2026 โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาจุดกลับตัวในการเข้าสู่ตลาดคริปโตอีกครั้ง
‘ความคิดเห็น’: ปีนี้ถือเป็นปีที่ทองคำทวงคืนตำแหน่งจากบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย แต่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลยังไม่สรุปขาลง หากสามารถเบรกแนวต้านได้ ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับบิตคอยน์ในระยะกลางถึงยาว
ความคิดเห็น 0