เอเวอร์นอร์ธเดินหน้าถือครองริปเปิล(XRP) จำนวนมหาศาลจนถึงสิ้นปี ท่ามกลางแรงกดดันจากผลขาดทุนที่ยังไม่รับรู้หลายพันล้านบาท สะท้อนถึงความเสี่ยงจากกลยุทธ์การลงทุนด้วย ‘ความมั่นใจระยะยาว’ ที่อาจต้องเผชิญกับความเป็นจริงอันโหดร้าย ราคาที่ลดฮวบของ XRP ทำให้มูลค่าทรัพย์สินที่ถือครองตกลงสู่ระดับขาดทุนราว 3,250 ล้านบาท แม้จะไม่มีการเทขาย แต่สถานการณ์นี้ตอกย้ำถึงความสำคัญของ ‘จังหวะตลาด’ ที่นักลงทุนสถาบันไม่อาจละเลย
ระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคมที่ผ่านมา เอเวอร์นอร์ธตัดสินใจละเว้นการลงทุนในบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) แล้วหันมาทุ่มซื้อ XRP จนได้ทั้งหมดกว่า 388.7 ล้านหน่วย กลยุทธ์ดังกล่าวในตอนนั้นดูเหมือนจะได้ผลดี เมื่อราคาของ XRP อยู่ในช่วงขาขึ้น ส่งผลให้มูลค่าการถือครองของบริษัทพุ่งขึ้นแตะระดับ 9.47 ร้อยล้านดอลลาร์ หรือราว 1.36 หมื่นล้านบาท และเคยมีกำไรถึง 7.1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,026 ล้านบาท)
แต่แล้วราคาก็ร่วงลงอย่างรวดเร็วจาก 2.60 ดอลลาร์ ลงมาใกล้ระดับ 1.80 ดอลลาร์ ทำให้เอเวอร์นอร์ธต้องเผชิญ ‘ขาดทุนที่ยังไม่รับรู้’ (Unrealized Losses) ระหว่าง 2.20–2.25 ร้อยล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3,179–3,261 ล้านบาท จากการวิเคราะห์ของนักวิจัย JA_Maartun แสดงให้เห็นว่า ช่วงเข้าซื้อของเอเวอร์นอร์ธเคยสร้างผลตอบแทนในระยะแรกจริง แต่การปรับฐานราคาที่กินเวลานานกว่าคาด กลับผลักพอร์ตเข้าสู่โซนขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เอเวอร์นอร์ธยังคงยืนกรานว่า ไม่ได้มีการขายทรัพย์สินหรือถูกบังคับให้เลิกถือครอง ทุกอย่างยังคงเป็นเพียง ‘ตัวเลขบนกระดาษ’ และการถือครอง XRP ยังคงดำเนินต่อไปในฐานะ ‘กลยุทธ์ระยะยาว’
กรณีของเอเวอร์นอร์ธมีประเด็นที่สำคัญต่อโลกการลงทุนในคริปโตของกลุ่มสถาบันอยู่หลายข้อ
ประการแรก กลยุทธ์แบบ ‘ทุ่มในสินทรัพย์เดี่ยว’ อย่าง XRP แทนที่จะกระจายไปยังบิตคอยน์หรืออีเธอเรียม อาจเปิดทางให้กับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาอย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ตลาดกลับตัวอย่างรุนแรง
ประการที่สอง แม้ราคา XRP จะลดลง แต่เงินทุนยังคงไหลเข้าสู่ผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบ ETP ที่อิงกับ XRP ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า บางกลุ่มสถาบันเลือกการถือผ่าน ‘ผลิตภัณฑ์โครงสร้าง’ แทนการถือเหรียญโดยตรง เพื่อบริหารความเสี่ยงได้ดีกว่า โดยตอนนี้สินทรัพย์ใต้การจัดการใน ETP ดังกล่าวสูงถึง 1.25 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 1.80 หมื่นล้านบาท
ประการที่สาม ขาดทุนชั่วคราวไม่ได้หมายถึงความล้มเหลวของกลยุทธ์โดยตรง เอเวอร์นอร์ธยังคงยืนยันเป้าหมาย ‘การลงทุนระยะยาว’ และมองการฟื้นตัวของ XRP แม้ว่าราคาจะยังไม่เป็นใจ ความอดทนในการเผชิญกับตลาดขาลงอาจเป็นตัวตัดสินความสำเร็จของกลยุทธ์นี้ในท้ายที่สุด
เอเวอร์นอร์ธจึงกำลังกลายเป็นกรณีศึกษาที่สะท้อนถึงบททดสอบสำคัญของการลงทุนในตลาดคริปโต โดยเฉพาะจากมุมมองของนักลงทุนรายใหญ่ ข้อผิดพลาดใน ‘จังหวะเข้าซื้อ’ ทำให้กลยุทธ์ที่ดูมั่นใจกลายเป็นการทดสอบสายป่าน ว่าบริษัทจะถือได้นานเพียงใดก่อนตลาดจะฟื้นกลับมา ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้จึงอาจผลักดันให้กลุ่มสถาบันอื่นๆ หันมาทบทวนกลยุทธ์การจัดพอร์ต และมองความเสี่ยงจากการถือ ‘คริปโตเดี่ยว’ อย่างรอบคอบมากขึ้น
ความคิดเห็น 0