ความคาดหวังต่อการเติบโตของตลาดสินทรัพย์โลกจริง(Real World Asset – RWA) กระตุ้นให้ราคาของเชนลิงก์(LINK) พุ่งขึ้นอีกครั้ง โดยบริษัทรายใหญ่อย่างเกรย์สเกล(Grayscale) ได้ระบุว่าเชนลิงก์เป็น ‘โครงสร้างพื้นฐานหลัก’ ของระบบ RWA ซึ่งสร้างแรงหนุนต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน พร้อมเสริมให้กระแสมองบวกเกี่ยวกับอนาคตของเชนลิงก์ซึ่งเป็นเครือข่ายโอราเคิลบนอีเธอเรียม(ETH) มีน้ำหนักมากขึ้น
ราคาของเชนลิงก์พุ่งขึ้นมากกว่า 3% สะท้อนความเป็นไปได้ทางเทคนิคว่าราคาอาจทะลุด่านแนวต้านระยะสั้นได้ โดยหนึ่งในปัจจัยสนับสนุนมาจากคำให้สัมภาษณ์ล่าสุดของแซก แพนเดิล(Zach Pandl) หัวหน้าฝ่ายวิจัยของเกรย์สเกลที่ระบุว่า “เชนลิงก์มีบทบาทเชื่อมโยงการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน(tokenization) ด้วยความสามารถในการนำเสนอข้อมูลจากโลกจริงอย่างน่าเชื่อถือ ตอบสนองเกณฑ์กำกับดูแล พร้อมทั้งรวมเข้ากับระบบได้อย่างสมบูรณ์” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าระบบเชนลิงก์เป็น ‘โครงสร้างพื้นฐาน’ ที่จำเป็นต่อเครือข่าย DeFi, เสถียรเหรียญ และระบบสินทรัพย์ดิจิทัลเชิงขยายอื่น ๆ
แนวโน้มการยอมรับเชนลิงก์ในแวดวงการเงินแบบดั้งเดิมยังคงเติบโต โดยเกรย์สเกลเตรียมเปิดซื้อขายกองทุน ETF ที่อิงสินทรัพย์เชนลิงก์โดยตรงในชื่อ ‘Grayscale Chainlink Trust’ (GLNK) บนตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กอาร์คา (NYSE Arca) ในวันที่ 30 นี้ (เวลาท้องถิ่น) เป็นการปูทางให้นักลงทุนสถาบันสามารถเข้าถือครองสินทรัพย์เชนลิงก์ได้อย่างสอดคล้องตามข้อกำหนดด้านกฎหมาย และถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญต่อการผลักดันการยอมรับในระดับวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม ตลาด RWA ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แพนเดิลระบุว่าปัจจุบันตลาดมีขนาดเพียง 3–3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.1–1.2 ล้านล้านบาท) เมื่อเทียบกับมูลค่ารวมตลาดหุ้นและพันธบัตรโลกที่สูงถึง 300 ล้านล้านดอลลาร์ (กว่า 4.3 แสนล้านล้านบาท) ยังถือว่าเป็นสัดส่วนที่เล็กมาก แต่หากกระแสการเปลี่ยนผ่านจากระบบการเงินดั้งเดิมไปสู่ระบบออนเชน (on-chain) เดินหน้าเต็มตัว ก็อาจพาตลาด RWA ขยายตัวมากกว่าปัจจุบันถึง 1,000 เท่า และทำให้เชนลิงก์ได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากการไหลเข้าของทุนในครั้งนี้
ด้านวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาของเชนลิงก์กำลังไต่ระดับเพื่อทะลุกรอบ ‘สามเหลี่ยมสมมาตร’ ที่กินเวลานานกว่า 1 ปี โดยอินดิเคเตอร์อย่าง MACD กำลังเกิดสัญญาณ ‘โกลเดน ครอส’ และ RSI ก็สะท้อนถึงแรงซื้อที่สะสมตัวเพิ่มขึ้น จุดแนวต้านสำคัญถัดไปอยู่ที่ระดับ 24 ดอลลาร์ (ประมาณ 34,400 บาท) หากสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ ก็อาจเปิดทางไปสู่การสร้างจุดสูงสุดใหม่ ซึ่งมีการประเมินว่าอาจขยับขึ้นไปสูงสุดถึง 70 ดอลลาร์ (ประมาณ 100,500 บาท) หรือเพิ่มขึ้นกว่า 460% *ความคิดเห็น*
ทั้งนี้ แพนเดิลยังเตือนว่า การเติบโตของตลาด RWA ในระดับ ‘บูม’ อาจต้องใช้เวลาอีก 5–10 ปี จึงคาดว่าช่วงสั้น ๆ ตลาดจะอยู่ในช่วงของการยอมรับอย่างค่อยเป็นค่อยไป มากกว่าการพุ่งแรงแบบฉับพลัน
ในขณะเดียวกัน นักลงทุนบางกลุ่มซึ่งมองหาโอกาสทำกำไรในระยะสั้น เริ่มหันไปจับตามองโปรเจกต์ที่มีลักษณะ ‘ปั่นไว’ อย่าง ‘เปเปโหนด(PepeNode)’ ซึ่งสร้างขึ้นบนโมเดล ‘ขุดแล้วได้รางวัล (Mine-to-Earn หรือ M2E)’ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ตั้งค่าโหนดและจัดการอุปกรณ์เพื่อรับรางวัลเป็นเหรียญมีมหลักของโครงการ
เปเปโหนดยังใช้โทเคน $PEPENODE รูปแบบดิฟเลชั่น (Deflation) โดยนำ 70% ของโทเคนไปทำลายทุกครั้งเมื่อมีการซื้อโหนดและอุปกรณ์รีก เพื่อเสริมความ *หายาก* และดึงดูดการลงทุนระยะยาว ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 10 วันก่อนการปิดรอบพรีเซลล์ นักลงทุนจึงอาจได้เปรียบหากเข้าร่วมก่อนกำหนด
ท่ามกลางการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานอย่างเชนลิงก์ที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างมูลค่าระยะยาว โครงการอย่างเปเปโหนดก็สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสสร้างผลตอบแทน *เชิงรุก* ในระยะสั้น ทั้งสองแนวทางทำให้ตลาดคริปโตยังคงน่าสนใจสำหรับนักลงทุนในทุกสไตล์
ความคิดเห็น 0