บิตคอยน์(BTC) ร่วงแตะ 89,000 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์เตือนแรงกดดันจากนโยบายสหรัฐฯ

บิตคอยน์(BTC) ร่วงแตะ 89,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลก่อนเหตุการณ์สำคัญในสหรัฐฯ

ราคาบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงแตะระดับ 89,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนก่อนเหตุการณ์สำคัญในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 7 ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap บิตคอยน์ลดลง 4.42% ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และซื้อขายอยู่ที่ 88,331 ดอลลาร์ สถานการณ์นี้ส่งผลให้ดัชนีความกลัวและความโลภของตลาดคริปโตลดลงเหลือ 30 จุด สะท้อนถึงความรู้สึก ‘หวาดกลัว’ ของนักลงทุน

การเคลื่อนไหวของราคานี้เกิดขึ้นก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะลงนามในคำสั่งบริหารเกี่ยวกับการถือครองบิตคอยน์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการแถลงของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจและปัจจัยเชิงนโยบายเหล่านี้กำลังกดดันบิตคอยน์และตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวม

ขณะที่บิตคอยน์เผชิญแรงขาย สกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน อีเธอเรียม(ETH) ลดลง 6.26% มาอยู่ที่ 2,170 ดอลลาร์ ส่วนโซลานา(SOL) ร่วง 5% แตะ 142.48 ดอลลาร์ ด้านริปเปิล(XRP) ซึ่งก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นสัญญาณบวก ปรับตัวลง 1.54% ซื้อขายที่ 2.50 ดอลลาร์ ผลกระทบนี้ทำให้มูลค่าตลาดรวมของสินทรัพย์ดิจิทัลลดลงเหลือ 2.89 ล้านล้านดอลลาร์ โดยบิตคอยน์มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 60.50%

อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ดิจิทัลบางส่วนยังสามารถสร้างผลตอบแทนเชิงบวกได้ อาทิ SUI ที่เพิ่มขึ้น 3.08% สู่ระดับ 2.76 ดอลลาร์ และโทเคนคริปโตดอทคอม(CRO) ที่ขยับขึ้น 2.01% เป็น 0.0864 ดอลลาร์ ในทางตรงกันข้าม ราคาของโซนิค(Sonic) ดิ่งหนัก 14.31% สู่ระดับ 0.5264 ดอลลาร์ ขณะที่ AAVE ซึ่งเป็นโทเคนด้านการเงินไร้ศูนย์กลาง(DeFi) ร่วง 12.37% มาอยู่ที่ 208.43 ดอลลาร์

นักวิเคราะห์มองว่า นโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์อาจส่งผลเชิงบวกต่อตลาดคริปโตในระยะยาว โดยเฉพาะหากมีการผ่อนปรนกฎระเบียบ อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ปัจจัยความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจและท่าทีของเฟดจะเป็นปัจจัยชี้นำทิศทางตลาดคริปโตในช่วงต่อไป นักลงทุนจึงควรจับตาและเพิ่มความระมัดระวังในการตัดสินใจลงทุน